"ดูนก"ที่อ่างเก็บน้ำบางพระ

พูดถึงจังหวัดชลบุรี เมืองดังของภาคตะวันออกของประเทศไทย หลายคนคงนึกถึงชายหาดที่เคยขาวและมีน้ำทะเลใสที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง บางแสน หรือ พัทยา ไม่แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง เกาะสีชัง เกาะล้าน สวนนงนุช สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ไร่องุ่นซิลเวอร์เลคพัทยา หรือไม่ก็อาหารอร่อย ๆ อย่าง ข้าวหลามหนองมน ลอดช่องใบเตยกะทิสดสุดอร่อย (บล็อกเกอร์อาวุโสของโอเคเราคอนเฟิร์ม) หรือสินค้าโอท็อปมีคุณภาพอย่าง ครกหินอ่างศิลา แต่สำหรับนกดูนกอย่างผม มีมุมมองต่อชลบุรีที่เป็นสีสันเพิ่มเติมต่างออกไป
จังหวัดชลบุรีซึ่งเป็น ประตูบานแรกที่เปิดสู่ภาคตะวันออก ด้วยระยะทางห่างจากกรุงเทพมหานครเพียง 100 กิโลเมตร ไม่ได้มีแค่เมืองชายทะเลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยังเป็น แหล่งดูนกทุ่งและนกน้ำที่น่าสนใจของประเทศไทยเราทีเดียว
...ไม่น่าเชื่อนะครับ แต่เป็นไปแล้ว เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายคนอาจไม่รู้จัก "เขตรักษาห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำบางพระ" (แต่นักดูนกรู้จักทุกคนครับ)

ฝูงนกน้ำชอบเกาะพักตามไม้ตายซากริมบึง

นกกะเต็นน้อยธรรมดา (Common Kingfisher)
ในหนังสือแหล่งดูนกทั่วไทยของคุณรุ่งโรจน์ จุกมงคล ให้ข้อมูลว่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำบางพระ อยู่ในเขตอ.ศรีราชา ใกล้เคียงกับ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมพู่ (ปี 2518 คุณสืบ นาคะเสถียร เคยรับราชการในตำแหน่งป่าไม้ตรี ที่เขตรักษาพันธุสัตว์ป่าแห่งนี้) นับเป็น ผืนป่าแห่งเดียวของชลบุรี ที่เป็นแหล่งต้นน้ำของลำห้วยหลายส่ายที่ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำบางพระ
บริเวณโดยรอบอ่างเก็บน้ำบางพระเต็มไปด้วยทุ่งหญ้า พุ่มไม้ ป่าละเมาะ รวมทั้งไร่อ้อยและไร่มันสำปะหลัง เป็นถิ่นอาศัยของนกทุ่ง นกน้ำ และนกป่ามากกว่า 100 ชนิด เช่น นกอีโก้ง นกอีล้ำ นกอีแจว นกกาบบัว นกยางไฟธรรมดา เป็ดคับแค นกกวัก นกพริก นกอ้ายงั่ว นกกระแตแต้แว้ด นกกระทาทุ่ง นกคุ่มอกลาย นกคุ่มอกดำ ฯลฯ

นกอ้ายงั่ว (Oriental Darter)
สมัยก่อนชาวบ้านชาวช่องแถบนี้มักเข้ามาจับปลาและสัตว์อื่น ๆ พร้อมกับลักลอบล่า นกทุ่ง และ นกน้ำ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองกันมาก ทางกรมป่าไม้จึงได้ประกาศให้พื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำบางพระเป็นเขตอนุรักษ์ พร้อมกับปลูกต้นไม้เพิ่มเติม เพื่อให้วิหคนกกามีแหล่งอาหารและพื้นที่ขยายพันธุ์มากขึ้น
แม้จะประกาศให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ ชาวบ้านยังคงได้รับอนุญาตให้เข้าไปจับปลาในอ่างเก็บน้ำได้ตามปกติ หลายๆ ครั้งได้ขับรถยนต์ลุยเข้าไปในทุ่งหญ้า ผ่านเข้าไปจอดรถริมอ่างเพื่อเคลื่อนย้ายสัตว์น้ำ
ทว่าข้อพึงระวังในเรื่องนี้ คือ บริเวณทุ่งหญ้าดังกล่าวเป็นจุดทำรังวางไข่ของนกทุ่งหลายชนิด เช่น นกกระทาทุ่ง นกคุ่มอกลาย และนกคุ่มอกดำ จึงเป็นพื้นที่ละเอียดอ่อนและเปราะบางต่อการสืบพันธุ์ของนก ดังนั้น การขับยวดยานพาหนะเข้าไป ต้องใช้เส้นทางที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯกำหนดไว้เท่านั้น

ท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้และหญ้ารกชัฏ

นกยอดข้าวหางแพนลาย (Zitting Cisticola)

นกกระจิบหญ้าสีเรียบ (Plain Prinia)

นกจาบฝนเสียงใส (Australasian Bushlark)

นกกินแมลงตาเหลือง (Yellow-eyed Babbler)
ด้วยเป็นแหล่งอาศัยของนกในธรรมชาติที่มีการคุ้มครองดูแล และมีความหลากหลายของชนิดของนกพอสมควรตามภาวะของพื้นที่อนุรักษ์ กลายเป็น แรงดึงดูด ให้บรรดานักดูนกและช่างภาพนกเข้าไปเยี่ยมเยือนเป็นจำนวนมากในแต่ละปี อ่างเก็บน้ำบางพระจึงกลายเป็นแหล่งดูนกชั้นแนวหน้าอีกแห่งของฟ้าเมืองไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอดูนกในเมืองหลวงและจังหวัดใกล้เคียง เดินทางไปเยือนกันเสมอในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

นกขุนทอง (Hill Myna)

นกกะรางหัวหงอก (White-crested Laughingthrush)

นกกะรางหัวขวาน (Common Hoopoe)

นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ (Greater Racket-tailed Drongo)
ส่วนตัวผมเองมักจะไปดูนกที่อ่างเก็บน้ำบางพระในช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะมีทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพมาให้ชมกันอย่างคึกคัก จะว่าไปแล้วบล็อกเกอร์plains-wanderer และผม เคยพบ นกคัดคูแซงแซว (Drongo Cuckoo) หลังที่ทำการเขตฯ เมื่อ 2 ปีก่อน จึงต้องรายการให้สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นนกประจำถิ่นหรือนกอพยพ
เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีรายงานการพบ นกตะกรุม (Lesser Adjutant Storks) หลายตัวที่อ่างเก็บน้ำบางพระ ซึ่งปัจจุบัน นกตะกรุมมีสถานภาพเป็นนกใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากถูกล่าจนแทบหมดเกลี้ยงไปจากพื้นที่ชุ่มน้ำของประเทศไทยเรา
อย่างไรก็ตาม นกตะกรุมเหล่านี้น่าจะเป็นนกหลุดมาจากสถานีเพาะเลี้ยงซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณอ่างเก็บน้ำบางพระ พอนานเดือนนานปีเข้า ก็ปรับตัวมีชีวิตอยู่รอดในธรรมชาติมาได้ น่าติดตามตรวจสอบว่า นกหลุดจำนวนนี้สามารถ จับคู่ผสมพันธุ์ และ ทำรังวางไข่ ได้หรือไม่อย่างไร

นกจาบคาเล็ก (Green Bee-eater),ตัวเด็ก

นกเด้าลมหลังเทา (Grey Wagtail)

นกเด้าลมดง (Forest Wagtail)

นกอีเสือสีน้ำตาล (Brown Shrike) ,ตัวเด็ก

นกโพระดกธรรมดา (Lineated Barbet)

นกหัวขวานเขียวป่าไผ่ (Laced Woodpecker)
จุดดูนกที่สำคัญของอ่างเก็บน้ำบางพระอยู่บริเวณที่ทำการเขตฯ เป็นส่วนที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้ม และพวกไม้ผลที่เป็นแหล่งอาหารของนก ทำให้นกป่าและนกสวนเข้ามาอาศัยเป็นจำนวนมาก เช่น นกโพระดกธรรมดา นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ นกกะรางหัวขวาน นกเค้าจุด นกหัวขวานเขียวป่าไผ่ ฯลฯ รวมไปถึงนกที่ถูกนำมาปล่อยเพื่อขยายพันธุ์ เช่น นกขุนทอง นกกระรางหัวหงอก และ นกขุนแผน
อีกจุดหนึ่งได้แก่ "วังหิน" บริเวณนี้เป็นจุดที่ห้วยวังหินไหลลงอ่างเก็บน้ำ มีเนินเขาเตี้ยๆอยู่ใกล้เคียงกับบึงน้ำขนาดใหญ่ บึงน้ำแห่งนี้มีพืชน้ำหนาแน่น นกน้ำจึงพากันมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
หากว่าอยากชม "นกกระทาทุ่ง" ซึ่งเป็นนกไฮไลท์ของที่นี่ ต้องไปตระเวณกันแถวท้องทุ่งด้านในเขตฯ เป็นพื้นที่โล่งเต็มไปด้วยหญ้ารกๆ ไม้ต้นเตี้ยกระจายเป็นหย่อมๆ เหมาะสำหรับเป็นถิ่นอาศัยของนกทุ่งอย่างยิ่ง แต่โอกาสที่จะพบเห็นนกกระทาทุ่งไม่ใช้เรื่องง่ายเลย เรามักได้ยินเสียงมันร้องดังออกมาจากพุ่มไม้ หรือไม่ก็เห็นในระยะไกล
หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน เที่ยวสบาย ๆ ชายทะเลสัตหีบ






เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก marineszee.com และ เฟซบุ๊ก หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน กิจการการท่องเที่ยวหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
อากาศเดี๋ยวนี้มันช่างร้อนเหลือเกิน หลายคนอาจจะกำลังมองหาสถานที่คลายร้อนอย่างทะเลอยู่ และจะให้ไปลงไปไกลถึงภาคใต้ก็คงจะมีเวลาไม่พอแน่ ๆ วันนี้กระปุกท่องเที่ยวเลยมาชวนไปเที่ยวไม่ไกล ๆ กรุงเทพฯ อย่างอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งนอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อย่าง พิพิธภัณฑ์ทหารนาวิกโยธิน, อนุสาวรีย์ทหารนาวิกโยธิน, ศาลกรมหลวงชุมพร หรือเรือหลวงจักรีนฤเบศรแล้ว ที่นี่ยังมีทะเลสวย ๆ ชายหาดแจ๋ว ๆ สำหรับการพักผ่อนอย่าง "หาดเตยงาม" ส่วนหาดทรายของที่นี่จะงามแค่ไหน ตามเราไปทำความรู้จักกันเลยจ้า
หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน เดิมชื่อ อ่าวตากัน หรือ อ่าวทุ่งไก่เตี้ย บริเวณกลางอ่าวมีเกาะเล็ก ๆ อยู่หนึ่งเกาะชื่อว่า เกาะ ไก่เตี้ย เป็นเขตอนุรักษ์ปะการังเขากวาง สาเหตุที่เรียกหาดทรายแห่งนี้ว่า หาดเตยงาม เนื่องจากบริเวณริมหาดแห่งนี้มีต้นเตยทะเลขึ้นเป็นจำนวนมาก และด้วยพื้นที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนริมทะเล มีหาดทรายสีขาวที่ทอดยาวสุดสายตา น้ำทะเลที่ใสงดงามกับธรรมชาติรอบ ๆ และแม้ว่าความยาวของหาดแห่งนี้จะยาวหลายกิโล แต่บริเวณที่นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนและลงเล่นน้ำได้จริงมีเพียง 300-400 เมตร เท่านั้น ทั้งนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวเอง


นอกจากนี้ เมื่อมองจากชายฝั่งจะเห็น เกาะไก่เตี้ย ที่เมื่อยามน้ำลงสามารถเดินไปยังเกาะแห่งนี้ได้ แต่ในปัจจุบันได้มีการห้ามขึ้นไปบนเกาะ เพราะต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติและแนวปะการัง ซึ่งปัจจุบันทางสำนักงานกิจการการท่องเที่ยวหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้จัดทำกิจกรรมอนุรักษ์ไว้ ด้วยการเชิญชวนนักเรียน, พนักงานบริษัท และพนักงานโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เข้ามาร่วมกิจกรรมปลูกปะการัง รวมถึงกิจกรรมดำน้ำดูปะการังก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาเที่ยวที่หาดเตยงามอีกอย่างหนึ่ง



ปัจจุบัน หาดเตยงาม อยู่ในความดูแลของกองบัญชาการนาวิกโยธิน ที่ยังคงรักษาความสะอาด ความเรียบร้อยของหาดให้คงความสวยงามได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่อนักท่องเที่ยว ได้แก่ ร้านอาหารหรือห้องน้ำไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว และยังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวคอยให้คำปรึกษาในเรื่องของสถานที่พัก หรือติดต่อสอบถามในเรื่องราวหรือข้อสงสัยต่าง ๆ ของนักท่องเที่ยวได้อีกด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเรือใบประเภทโอเคขนาด 13 ฟุต ชื่อ "เวคา" จากพระราชวังไกลกังวลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกเดินทางตั้งแต่เวลา 04.28 น. ตัดข้ามอ่าวไทยขึ้นฝั่งที่อำเภอสัตหีบ บริเวณหาดเตยงาม โดยเป็นระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 60 ไมล์ทะเล เวลาทั้งสิ้น 17 ชั่วโมง และได้นำธงราชนาวิกโยธินมาปักไว้ ณ ที่หาดเตยงามแห่งนี้

เป็นไงบ้างคะกับรีวิวคร่าว ๆ ที่ชายหาดสวยอย่างหาดเตยงามแห่งนี้ หลายคนคงมีแผนจะเดินทางไปเที่ยวลองดูแล้วละค่ะ ซึ่งที่อำเภอสัตหีบไม่ใช่แค่มาเดินชายหาดเล่นน้ำทะเลเท่านั้น เพราะที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายรอต้อนรับเหมือนกัน เรียกได้ว่ามาแบบไม่เสียเที่ยวกันเลยทีเดียว

1. ยานพาหนะใช้ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง
2. ห้ามก่อกองไฟ ปิ้งย่าง ประกอบอาหาร
3. ห้ามผูกเปล ตากผ้าแขวนสิ่งของบนต้นไม้
4. ห้ามจับสิ่งมีชีวิตในทะเล ห้ามเก็บเปลือกหอย เศษปะการัง
5. ห้ามส่งเสียงอึกทึกคึกโครม
6. ผู้ขับขี่จักรยานยนต์จะต้องสวมหมวกป้องกันศีรษะ
7. อนุญาตให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำได้ตั้งแต่บริเวณหน้าสโมสรประดู่คู่ไปจนถึงบริเวณ มารีน โบ๊ทคลับ กิจการการท่องเที่ยวหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เปิดบริการนักท่องเที่ยวตั้งแต่เวลา 08.00 น. ไปจนถึงเวลาพระอาทิตย์ตก


หากท่านมาจากกรุงเทพฯ โดยอาศัยเส้นทางถนนสุขุมวิท (มอเตอร์เวย์) เมื่อเข้าเขตของอำเภอสัตหีบ ให้สังเกตโรงเรียนสิงห์สมุทร โรงเรียนประจำอำเภอสัตหีบ สังเกตได้ง่าย ๆ เพราะทางเข้าของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินจะอยู่ติดกับโรงเรียนสิงห์สมุทร เมื่อเลี้ยวเข้ามาด้านในก็แจ้งความจำนงกับเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกเรื่องเส้นทางเดินรถหรือการติดต่อส่วนราชการภายใน เพราะที่นี่มีการสนับสนุนนโยบายเรื่องการท่องเที่ยวเช่นกัน
ช่วงเวลาเปิดปิดทำการ : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.
ที่อยู่ : สำนักงานกิจการการท่องเที่ยว หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
โทรศัพท์ : 038 308 126,084 377 6791 และสำนักงานกิจการท่องเที่ยวหาดเตยงาม 038 334 188
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน กิจการการท่องเที่ยวหน่วยบัญชาการนาวิกและ marineszee.com
ไร่องุ่นใกล้เมืองพัทยา นาม“ซิลเวอร์เลค”(Silverlake) ห้เป็นอาณาจักรทั้งผลิตและจำหน่ายองุ่นสด ผลิตภัณฑ์ แปรรูปจากองุ่น และล่าสุดเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ประจำเมืองพัทยา ซึ่งเจ้าของไร่องุ่นแห่งนี้เป็นของอดีต นางเอกชื่อดัง คุณสุพรรษา เนื่องภิรมย์ สุพรรษา เล่าแรงบันดาลใจเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว มีโอกาส เข้าชม ไร่องุ่นต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า หลาย แห่งมีสภาพแวดล้อมค่อนข้างแห้งแล้ง เป็นป่าเขาโล้น แต่ก็สามารถ ทำไร่องุ่นได้ จึงเกิดความสนใจ อยากนำที่ดินใน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเธอและสามี ซื้อเก็บไวมาพัฒนา้ เป็นไร่องุ่นดูบ้าง จากนั้นได้เชิญเจ้าของไร่องุ่น ชาวอเมริกัน ท่านหนึ่ง มาช่วยพิจารณา ดูสภาพ แวดล้อมที่ดินดังกล่าวว่า สามารถพัฒนาเป็นไร่องุ่นได้หรือไม่ ซึ่งได้รับการยืนยันว่า เหมาะจะ ทำไร่องุ่นอย่างยิ่ง ด้วยจากข้อได้เปรียบพื้นที่ไร่่ติด กับ“พระพุทธแกะสลัก เขาชีจรรย์”และอยู่ใกล้ตัวเมืองพัทยาแค่ 20 กิโลเมตร สุพรรษา จึงปรับปรุงภูมิทัศน์ไร่องุ่น“ซิลเวอร์เลค” ให้สวยงาม รองรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของเมืองพัทยา โดยไม่คิดค่าเข้าชม

ยินดีต้อนรับสู่ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค

แปลงทดลองปลูกไร่องุ่นด้านหน้า

กิจกรรมภายในไร่ จะเน้นให้นักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศการทำไร่องุ่นตามธรรมชาติจริงๆสามารถร่วมกิจกรรม ที่น่า สนใจกับรถ ATV ที่ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศกับการขี่เข้าชมไร และกิจกรรมอื่นๆ ที่เราจะรังสรรค์ขึ้นให้คุณ ใน อนาคต ่พร้อมบันทึกความทรงจำของความงามครั้งนี้ได้อย่างมิรู้ลืม ณ ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค “Silverlake, Pattaya Grape Escape ในปัจจุบัน ทางไร่ได้เพิ่มกิจกรรมต่างๆมากขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าเยี่ยมชมไร่ได้สัมผัสกับ บรรยากาศอันสวยงาม ของทางไร่ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถม้าชมไร่ หรือขี่จักรยานเสือภูเขาลัดเลาะ ไปตามแนวปลูก องุ่นของไร่ หรือนั่งช้างชมบรรยากาศอันงดงาม นอกจากนั้นท่านยังสามารถสัมผัสบรรยากาศ พระอาทิตย์ตกกลางทะเลสาบโดยขี่ จักรยานน้ำซึ่งจะเป็นภาพที่ท่านมิอาจลืมได้ในอนาคตอันใกล้นี้
สัญลักษณ์ดอกทานตะวันแดงระหว่างนั่งรถชมวิว | มีร้านขายนม และกาแฟด้วย |
![]() | ![]() |
แปลงดอกไม้อันสวยงามด้านหน้า
![]() | ![]() |
กังหันลมยอดฮิต
![]() | ![]() |
นอกจากเราจะสามารถกินลมชมวิว สัมผัสอากาศอันริสุทธิ์ภายในไร่อุง่นซิลเวอร์เลคแล้ว ตรงข้ามไร่องุ่นยังมีร้าน อาหาร ที่ทางไร่ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว บรรยากากาศของร้าน สีสันสวยงาม มองเห็นวิวไกลสุดตาน่านั่งดีแท้
ร้านอาหารของไร่องุ่นซิลเวอร์เลค
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
อาคารขายของที่ระลึก นั่งพักผ่อนชมวิว
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
พาหนะที่จะนำพาเราไปเยี่ยมชมไร่องุ่นมีให้เลือกหลายแบบตามความชอบ
![]() | ![]() |
![]() |
นอกจากความงามของไร่องุ่นที่ผนวกกับความงดงามของธรรมชาติอย่างลงตัวแล้ว คุณยังสามารถเลือกซื้อองุ่นสด พันธุ์ดีจากไร่ พร้อมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปจากองุ่นมากมาย อาทิ น้ำองุ่น 100 %, แยมองุ่น, ลูกเกด ฯลฯ ณ โซน พลาซ่าสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้าใครอยากไปเที่ยวไร่องุ่น ซื้อผลิตภัณท์จากองุ่น หรือหา สถานที่พักผ่อน กผ่อนหย่อนใจวิวสวยริมอ่างเก็บน้ำ ที่ไร่องุ่น Silver Lake Vineyard ก็เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่หนึ่งที่น่าสนใจ อยู่ใกล้กรุงเทพ และเหมาะกับทุกเพศทุกวัยด้วยค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม โทร 0 3893 8123 กรุงเทพฯ โทร. 0 2231 6565 เว็บไซต์ www.silverlakethai.com
ข้อมูลเพิ่มเติม โทร 0 3893 8123 กรุงเทพฯ โทร. 0 2231 6565 เว็บไซต์ www.silverlakethai.com
สวนนงนุช เป็นสถานพักผ่อนหย่อนใจที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ภายในสวนมีบ้านทรงไทย สวนไม้ดอก ไม้ประดับ นานาชนิด สวนกล้วยไม้ สวนกระบองเพชร และสวนพฤกษชาติอื่น ๆ ภายใต้แนวคิดที่จะ " จัดสวนให้คนมาเที่ยว "ดังนั้นจึงเปลี่ยน สวนผลไม้ ให้เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับ รวมถึงได้สร้างสิ่งปลูกสร้างและสิ่งอำนวย ความสะดวกต่างๆ ไว้ให้บริการสำหรับ นักท่องเที่ยว หรือผู้ที่สนใจที่จะเข้ามาเที่ยวชมสวน มีบริการเรือ- ชนิดต่าง ๆ ให้เช่าพาย เล่นในสระ มีสัตว์หลายชนิดเลี้ยงไว้ให้ชม มีศูนย์แสดง ศิลปวัฒนธรรมไทยสำหรับ นักท่องเที่ยว จัดแสดง การฟ้อนรำพื้นเมือง ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว (กระบี่กระบอง ฟันดาบ) กีฬา พื้นเมือง และการแสดง ของช้าง ในปัจจุบันสวนนงนุชพัทยา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับแนวหน้า โดยมีผู้เข้าเยี่ยม ชมประมาณ วันละ 2,000 คนเพราะสวนนงนุชเองมีการปรับปรุงและพัฒนารูปแบบของสวนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้ที่เข้า มาเยี่ยมชมรู้สึกประทับใจ ในความงดงามของสวนสวยแห่งนี้
เนื่องจากสวนนงนุชมีพื้นที่กว้างขวางมาก มีสวนและสถานีให้แวะหลากหลายจุด การเที่ยวชมสวนให้ทั่วเป็นไปได้ยาก เพราะฉะนั้น สนใจ ชมสวนแบบใดก็มาร์คจุและมุ่งหน้าไปตามแผนที่ที่ได้รับจากแจก จากจุดประชาสัมพันธ์ ซึ่งการมาเที่ยวที่นี่ควรมาแต่เช้า เนื่องจากช่วงเที่ยวแดดจะร้อนมา อาจจะทำให้เหนื่อยและเที่ยวได้น้อยลง การเข้าชมอาจจะขับรถส่วนตัวไปยังจุดต่างๆ แล้วจอดรถ ไว้ยังจุดจอดรถ แล้ว เดินโดมยใช้ ทางเดินลอยฟ้า ไปยังจุดต่างๆก็ได้ หรือใช้บริการรถรถนำเที่ยวของสวนนงนุช ราคาคนละ 50 บาท หรือสำหรับใครชอบปั่นจักรยานก็มีให้เช่า ชั่วโมงละ 70 บาท
สวนหิน (Rock Garden) หรือ (Blue Garden)
ไม้จากฟลอริด้า)ไม้ใบอวบ และอื่นๆ ที่มีสีเงินสวยงามและหายาก
วัตถุโบราณ (Antique Hall)
เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับนักท่องเที่ยว ที่สนใจเครื่องประดับ พระพุทธรูป และเครื่องใช้โบราณ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี ที่ได้รับการสะสม รวบรวมไว้อย่างมากมาย
สวนเนินลายปีกผีเสื้อ (Butterfly Hill)
เป็นสวนไม้ประดับที่มีสีสันในตัวเอง เช่น ไทรยอดทอง ฤาษีผสม ไม้ดอก เช่น เข็ม จัดปลูกบนเนินดินวางรูปแบบให้คล้ายกับ ลักษณะลวดลายของปีกผีเสื้อ ที่มีความงดงามสบายตาแก่นักท่องเที่ยวพร้อมด้วยน้ำพุด้านหน้าสวน ที่พวยพุ่งอย่างสวยงามให้ความ เย็นฉ่ำอยู่ตลอดทั้งวัน
ทางเดินลอยฟ้า (SKY WALK)
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมจากมุมสูง (Bird Eye View) โดยสามารถมองเห็นบริเวณที่สวยงาม ตามจุดต่างๆได้ทั่วบริเวณสวน เช่น สวนฝรั่งเศส สโตนเฮนจ์เนินลายผีเสื้อ สวนยุโรป สวนปาล์ม และสวนตุ๊กตากระถาง ที่สวยงาม แปลกแตกต่างไปจากการเดินชมสวน ตามปกติตลอดระยะทาง 1130 เมตร
สวนพุทธรักษา (Canna Garden)
ชมความงามของพุทธรักษาหลากสีสันที่มีครบทุกสี ในประเทศไทยและบางชนิดจากต่างประเทศ
สวนไม้ตัดแต่ง (Topiary Garden)
เป็นสวนไม้ประดับชนิดต่างๆ จัดรวมเป็นกลุ่มๆเช่น ข่อยโมก ไทร ที่ตัดแต่งเป็นรูปทรงพุ่ม ขนาดไล่เลียงต่างระดับกัน อย่างสวยงาม แปลกตา
สวนผีเสื้อ (Butterfly House)
ชมความงามและวงจรการเจริญเติบโตของผีเสื้อที่มีมากกว่า40สายพันธุ์ จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งชมไม้ดอก นานาชนิด ที่ให้น้ำหวาน เป็นอาหารสำหรับผีเสื้อ มีทั้งกลิ่นหอม สีสันสวยงามและหายาก
สวนรถไฟจำลอง (Outdoor Garden Railway)
เป็นสวนรถไฟจำลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเซีย ซึ่งมีหัวรถจักรทั้งหมด 12 ขบวน บังคับการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า
สวนสัตว์ (Mini Zoo)
ชมและใกล้ชิดกับความน่ารักของสัตว์ต่างๆ เช่น ลิงซิมแปนซี อุรังอุตัง เสือโคร่ง ที่สามารถถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งชมสวน นกและสัตว์ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ เช่น นกเงือก กวาง เสือ สวนนกน้ำที่มีหลายชนิด และรูปปั้นสัตว์อันแสนน่ารัก ในอริยาบท ต่างๆ ที่ประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม และเป็นที่ชอบใจของเด็กๆ และนักท่องเที่ยวทั่วไป
สวนแกะหรือทุ่งไม้ดอกไม้ประดับ (Meadow Garden)
ร่มรื่นด้วยต้นลาน ต้นตาลโตนด ปาล์มน้ำมัน อินทผลัม ขนาดใหญ่ ประดับตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับและไม้คลุมดินหลากสีสัน และรูปแกะจำลองที่ได้ประดิษฐ์ขึ้นจำนวนมาก เสมือนกับฝูงแกะที่กำลังเลาะเล็มหญ้าอย่างอิ่มหมีพีมัน เหมาะสำหรับใช้เป็นสถานที่ ปิคนิคของครอบครัว
สวนปาล์มโลก (Palm Collection Garden)
เป็นสวนที่รวบรวมพันธุ์ปาล์มจากทั่วทุกมุมโลกไว้มากกว่า 1,000 ชนิด และพันธุ์ปรงมากกว่า 280 ชนิด ที่สวนนงนุช ใช้เป็นที่ แสดงพันธุ์ปาล์มให้กับคณะผู้เข้าร่วมประชุมปาล์มโลก เมื่อเดือน กันยายน พ.ศ. 2541(ค.ศ. 1998) ซึ่งทำให้สวนนงนุช เป็นที่รู้จัก อย่างแพร่หลาย ไปทั่วโลก
สวนตะบองเพชร และไม้ใบอวบ (Cactus and Succulent Garden)
ชมความงดงามของตะบองเพชรและไม้ใบอวบพันธุ์ต่างๆ มากกว่า 300 ชนิด จากทั่วทุกมุมโลกที่มีทั้งขนาดเล็ก ใหญ่ และเสน่ห์ของ ดอกตะบองเพชรที่สวยงาม ตามช่วงเวลาและฤดูกาล ที่มีอายุมากกว่า 20 ปี
สวนฝรั่งเศส (French Garden)
เป็นการจัดสวนแบบฝรั่งเศสจำลองแบบมาจากพระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส ในพื้นที่เกือบ 10 ไร่ จัดเรียงหินไว้นับหมื่นก้อน รายล้อมสวนรูปทรงเรขาคณิต ใช้เข็มญี่ปุ่นเป็นลายเส้นหลัก ผักเป็ดแดงขน เป็นสีตัดลาย ต้นข่อย ไทร นีออน และชาฮกเกี้ยน เป็นองค์ประกอบ ที่ผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัว จรดเนินหินที่สร้างศาลาไทยไว้สำหรับพักผ่อนและเป็นจุดชมวิวจากด้านบนของสวน เน้นความพิถีพิถันในการตัดแต่งเป็นพิเศษ เพื่อให้คงความสวยงามอยู่เสมอ พร้อมทั้งจัดวางรูปปั้นจากเรื่องราวในวรรณคดีไทย จำนวน 11 เรื่องไว้อย่างกลมกลืน สร้างขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998
สโตนเฮนจ์ (Stoneheng)
เป็นการนำเอาหินวางเรียงกันเป็นวงกลม ที่สวนนงนุช ได้จำลองแบบมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติสร้าง ขึ้นมา แต่สวนนงนุช ได้จัดทำขึ้นมาเนื่องจากได้พบหินชุดหนึ่งจากปราจีนบุรี และได้นำมาจัดวางไว้ที่สวนเพื่อเป็นประโยชน์ ทาง การศึกษาแก่อนุชนรุ่นหลัง และได้ลดความแข็งของหินเพิ่มความสวยงาม โดยได้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ที่มีสีสันเข้า ไปทำให้ ตื่นตา ตื่นใจสำหรับผู้ได้พบเห็น สร้างเสร็จเมื่อต้นปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000)
บอนไซ (Bon – Sai)
เป็นสวนที่รวบรวมพันธุ์บอนไซไว้มากมายในกระถาง ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เช่น บอนไซ ต้นไทร ต้นมะขาม ต้นสน ฯลฯ
สวนยุโรป (European garden)
เป็นการจัดสวนในแบบสไตล์ยุโรป ประกอบด้วยไม้ตัดพุ่ม รูปทรงต่างๆ เช่น ทรงกรวย ทรงกลม ทรงเหลี่ยม ทรงแท่ง ซึ่งตัดตกแต่ง ให้ดูสวยงาม และผสมผสานกับการจัดวางรูปปั้นต่างๆ อย่างกลมกลืน
สวนเนินดอกไม้ (Flower Hill)
เป็นสวนไม้ดอกสีสันสดใสหลากหลายชนิด เช่น หงอนไก่ สร้อยไก่ แววมยุรา แพงพวย ฯ ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนมาจากสวนไม้ประดับ มาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) การจัดสวนได้จัดเป็นแถวเป็นแนวรูปทรงต่างๆ เช่น วงกลม วงรี ลดหลั่นกันบนเนินดิน ริมทะเล สาบจรดกับห้องอาหารพลับพลึง และสวนแห่งนี้นี่เองกลายเป็นจุดเด่นในการถ่ายรูป ที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมาก
สวนเฟื่องฟ้า (Bougainvillea Garden)
ชมความงามของเฟื่องฟ้าหลากสีสันที่จัดตกแต่งให้เข้ากับสวนต่างๆ อย่างกลมกลืน เช่นบริเวณเนินหอชมวิว ข้างห้องอาหาร พลับพลึง สวนยุโรป อื่นๆ
สวนข่อย (Thai Topiary Garden)
เป็นสวนข่อยที่ตัดแต่งเป็นรูปร่างต่างๆ ที่พิเศษ แปลกตา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศิลปะการตัดแต่งที่พิถีพิถันและสวยงาม หาชมจากที่อื่นได้ยากยิ่ง
น้ำตก (Water Fall)
เป็นน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ ที่จัดทำไว้อย่างกลมกลืนคล้ายคลึงกับน้ำตกธรรมชาติ มากที่สุด
สวนตุ๊กตากระถาง (Pottery Garden)
เป็นสวนที่นำกระถางรูปร่างและขนาดต่างๆ กัน มาเรียงร้อยเป็นรูปทรงต่างๆ ตามจินตนาการของผู้ออกแบบ จัดทำ ซึ่งมีรูปร่าง หลายหลาย จากจำนวนกระถางนับ 5หมื่นใบ กระถางที่นำมาใช้เป็นกระถางที่สวนนงนุช ผลิตขึ้นมาเอง นับเป็นภูมิปัญญาของ คนไทย ที่น่าทึ่งและน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง สร้างขึ้นตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998)
สวนสับปะรดสี (Bromeliad House)
ชมความงามของสับปะรดสีมากกว่า 300 ชนิด ทั้งพันธุ์แท้ของประเทศไทยและนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ฮอลแลนด์ ในเรือนที่ จัดไว้ให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติ ซึ่งจัดตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสับปะรดสี ที่โชว์ความงามของดอกและใบ
สวนกล้วยไม้ (Orchid Garden)
ชมกล้วยไม้พันธุ์ต่างๆ เช่น แคทลียา แวนด้า หวาย กล้วยไม้ตระกูลช้าง กล้วยไม้ป่าจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก และกล้วยไม้ลูกผสม โดยเฉพาะพันธุ์แคทลียาสายพันธุ์ใหม่ ที่สวนนงนุช ได้ทำการผสมพันธุ์ขึ้นเอง ลักษณะดอกขนาดใหญ่ และมี กลิ่นหอม
สวนโมก (Wrightia Tomentosa Garden)
เป็นสวนโมกที่มีการนำยอดโมกลายหรือโมกบ้าน มาเสียบกับต้นโมกป่า (โมกมัน) ด้วยวิธีการใหม่และการตัดแต่งที่พิถีพิถันทำให้ รูปลักษณะของต้นที่มีพุ่มสวยงาม แปลกตา ดอกมีกลิ่นหอม
สวนน้ำพุ(Fountain Garden)
เป็นสวนที่จัดสร้างขึ้นมาตั้งแต่เริ่มสร้างสวนนงนุช ซึ่งปัจจุบันนี้ ยังคงรักษาโครงสร้างเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ได้ตกแต่งเพิ่มเติม ไม้ดอกไม้ประดับในสวนนี้ให้สวยงามอยู่ตลอดเวลา
โรงแสดง (Thai Cultural Hall)
เป็นสถานที่จัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ที่จัดตกแต่งประดับฉากอย่างสวยงาม เหมาะสมกับชุดการแสดงในแต่ละชุด ที่แสดง ให้เห็นถึงความอ่อนช้อย งดงาม ของศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง ของคนไทย เช่น ระบำสี่ภาค ระบำเทพนฤมิต มหกรรมกลอง ยุทธหัตถี ฯลฯ และลานแสดงช้างแสนรู้ ด้านหลังของโรงแสดง ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับการแสดงความสามารถพิเศษของช้างแสนรู้ อันสนุกสนาน ตื่นตาตื่นใจ กว่า 30 เชือก เช่น ช้างเล่นฟุตบอล บาสเกตบอล ตีกอล์ฟ วาดรูป นวดคน ฯลฯ ซึ่งเปิดการแสดงทุกวัน วันละ 4 รอบ คือ 9.45 น. 10.30 น. 15.00 น. และ 15.45 น. รอบละ 1 ชั่วโมง
ไม้จากฟลอริด้า)ไม้ใบอวบ และอื่นๆ ที่มีสีเงินสวยงามและหายาก
วัตถุโบราณ (Antique Hall)
เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับนักท่องเที่ยว ที่สนใจเครื่องประดับ พระพุทธรูป และเครื่องใช้โบราณ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี ที่ได้รับการสะสม รวบรวมไว้อย่างมากมาย
สวนเนินลายปีกผีเสื้อ (Butterfly Hill)
เป็นสวนไม้ประดับที่มีสีสันในตัวเอง เช่น ไทรยอดทอง ฤาษีผสม ไม้ดอก เช่น เข็ม จัดปลูกบนเนินดินวางรูปแบบให้คล้ายกับ ลักษณะลวดลายของปีกผีเสื้อ ที่มีความงดงามสบายตาแก่นักท่องเที่ยวพร้อมด้วยน้ำพุด้านหน้าสวน ที่พวยพุ่งอย่างสวยงามให้ความ เย็นฉ่ำอยู่ตลอดทั้งวัน
ทางเดินลอยฟ้า (SKY WALK)
นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมจากมุมสูง (Bird Eye View) โดยสามารถมองเห็นบริเวณที่สวยงาม ตามจุดต่างๆได้ทั่วบริเวณสวน เช่น สวนฝรั่งเศส สโตนเฮนจ์เนินลายผีเสื้อ สวนยุโรป สวนปาล์ม และสวนตุ๊กตากระถาง ที่สวยงาม แปลกแตกต่างไปจากการเดินชมสวน ตามปกติตลอดระยะทาง 1130 เมตร
สวนพุทธรักษา (Canna Garden)
ชมความงามของพุทธรักษาหลากสีสันที่มีครบทุกสี ในประเทศไทยและบางชนิดจากต่างประเทศ
สวนไม้ตัดแต่ง (Topiary Garden)
เป็นสวนไม้ประดับชนิดต่างๆ จัดรวมเป็นกลุ่มๆเช่น ข่อยโมก ไทร ที่ตัดแต่งเป็นรูปทรงพุ่ม ขนาดไล่เลียงต่างระดับกัน อย่างสวยงาม แปลกตา
สวนผีเสื้อ (Butterfly House)
ชมความงามและวงจรการเจริญเติบโตของผีเสื้อที่มีมากกว่า40สายพันธุ์ จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งชมไม้ดอก นานาชนิด ที่ให้น้ำหวาน เป็นอาหารสำหรับผีเสื้อ มีทั้งกลิ่นหอม สีสันสวยงามและหายาก
สวนรถไฟจำลอง (Outdoor Garden Railway)
เป็นสวนรถไฟจำลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเซีย ซึ่งมีหัวรถจักรทั้งหมด 12 ขบวน บังคับการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า
สวนสัตว์ (Mini Zoo)
ชมและใกล้ชิดกับความน่ารักของสัตว์ต่างๆ เช่น ลิงซิมแปนซี อุรังอุตัง เสือโคร่ง ที่สามารถถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งชมสวน นกและสัตว์ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ เช่น นกเงือก กวาง เสือ สวนนกน้ำที่มีหลายชนิด และรูปปั้นสัตว์อันแสนน่ารัก ในอริยาบท ต่างๆ ที่ประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม และเป็นที่ชอบใจของเด็กๆ และนักท่องเที่ยวทั่วไป
สวนแกะหรือทุ่งไม้ดอกไม้ประดับ (Meadow Garden)
ร่มรื่นด้วยต้นลาน ต้นตาลโตนด ปาล์มน้ำมัน อินทผลัม ขนาดใหญ่ ประดับตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับและไม้คลุมดินหลากสีสัน และรูปแกะจำลองที่ได้ประดิษฐ์ขึ้นจำนวนมาก เสมือนกับฝูงแกะที่กำลังเลาะเล็มหญ้าอย่างอิ่มหมีพีมัน เหมาะสำหรับใช้เป็นสถานที่ ปิคนิคของครอบครัว
สวนปาล์มโลก (Palm Collection Garden)
เป็นสวนที่รวบรวมพันธุ์ปาล์มจากทั่วทุกมุมโลกไว้มากกว่า 1,000 ชนิด และพันธุ์ปรงมากกว่า 280 ชนิด ที่สวนนงนุช ใช้เป็นที่ แสดงพันธุ์ปาล์มให้กับคณะผู้เข้าร่วมประชุมปาล์มโลก เมื่อเดือน กันยายน พ.ศ. 2541(ค.ศ. 1998) ซึ่งทำให้สวนนงนุช เป็นที่รู้จัก อย่างแพร่หลาย ไปทั่วโลก
สวนตะบองเพชร และไม้ใบอวบ (Cactus and Succulent Garden)
ชมความงดงามของตะบองเพชรและไม้ใบอวบพันธุ์ต่างๆ มากกว่า 300 ชนิด จากทั่วทุกมุมโลกที่มีทั้งขนาดเล็ก ใหญ่ และเสน่ห์ของ ดอกตะบองเพชรที่สวยงาม ตามช่วงเวลาและฤดูกาล ที่มีอายุมากกว่า 20 ปี
สวนฝรั่งเศส (French Garden)
เป็นการจัดสวนแบบฝรั่งเศสจำลองแบบมาจากพระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส ในพื้นที่เกือบ 10 ไร่ จัดเรียงหินไว้นับหมื่นก้อน รายล้อมสวนรูปทรงเรขาคณิต ใช้เข็มญี่ปุ่นเป็นลายเส้นหลัก ผักเป็ดแดงขน เป็นสีตัดลาย ต้นข่อย ไทร นีออน และชาฮกเกี้ยน เป็นองค์ประกอบ ที่ผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัว จรดเนินหินที่สร้างศาลาไทยไว้สำหรับพักผ่อนและเป็นจุดชมวิวจากด้านบนของสวน เน้นความพิถีพิถันในการตัดแต่งเป็นพิเศษ เพื่อให้คงความสวยงามอยู่เสมอ พร้อมทั้งจัดวางรูปปั้นจากเรื่องราวในวรรณคดีไทย จำนวน 11 เรื่องไว้อย่างกลมกลืน สร้างขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998
สโตนเฮนจ์ (Stoneheng)
เป็นการนำเอาหินวางเรียงกันเป็นวงกลม ที่สวนนงนุช ได้จำลองแบบมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติสร้าง ขึ้นมา แต่สวนนงนุช ได้จัดทำขึ้นมาเนื่องจากได้พบหินชุดหนึ่งจากปราจีนบุรี และได้นำมาจัดวางไว้ที่สวนเพื่อเป็นประโยชน์ ทาง การศึกษาแก่อนุชนรุ่นหลัง และได้ลดความแข็งของหินเพิ่มความสวยงาม โดยได้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ที่มีสีสันเข้า ไปทำให้ ตื่นตา ตื่นใจสำหรับผู้ได้พบเห็น สร้างเสร็จเมื่อต้นปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000)
บอนไซ (Bon – Sai)
เป็นสวนที่รวบรวมพันธุ์บอนไซไว้มากมายในกระถาง ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เช่น บอนไซ ต้นไทร ต้นมะขาม ต้นสน ฯลฯ
สวนยุโรป (European garden)
เป็นการจัดสวนในแบบสไตล์ยุโรป ประกอบด้วยไม้ตัดพุ่ม รูปทรงต่างๆ เช่น ทรงกรวย ทรงกลม ทรงเหลี่ยม ทรงแท่ง ซึ่งตัดตกแต่ง ให้ดูสวยงาม และผสมผสานกับการจัดวางรูปปั้นต่างๆ อย่างกลมกลืน
สวนเนินดอกไม้ (Flower Hill)
เป็นสวนไม้ดอกสีสันสดใสหลากหลายชนิด เช่น หงอนไก่ สร้อยไก่ แววมยุรา แพงพวย ฯ ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนมาจากสวนไม้ประดับ มาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) การจัดสวนได้จัดเป็นแถวเป็นแนวรูปทรงต่างๆ เช่น วงกลม วงรี ลดหลั่นกันบนเนินดิน ริมทะเล สาบจรดกับห้องอาหารพลับพลึง และสวนแห่งนี้นี่เองกลายเป็นจุดเด่นในการถ่ายรูป ที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมาก
สวนเฟื่องฟ้า (Bougainvillea Garden)
ชมความงามของเฟื่องฟ้าหลากสีสันที่จัดตกแต่งให้เข้ากับสวนต่างๆ อย่างกลมกลืน เช่นบริเวณเนินหอชมวิว ข้างห้องอาหาร พลับพลึง สวนยุโรป อื่นๆ
สวนข่อย (Thai Topiary Garden)
เป็นสวนข่อยที่ตัดแต่งเป็นรูปร่างต่างๆ ที่พิเศษ แปลกตา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศิลปะการตัดแต่งที่พิถีพิถันและสวยงาม หาชมจากที่อื่นได้ยากยิ่ง
น้ำตก (Water Fall)
เป็นน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ ที่จัดทำไว้อย่างกลมกลืนคล้ายคลึงกับน้ำตกธรรมชาติ มากที่สุด
สวนตุ๊กตากระถาง (Pottery Garden)
เป็นสวนที่นำกระถางรูปร่างและขนาดต่างๆ กัน มาเรียงร้อยเป็นรูปทรงต่างๆ ตามจินตนาการของผู้ออกแบบ จัดทำ ซึ่งมีรูปร่าง หลายหลาย จากจำนวนกระถางนับ 5หมื่นใบ กระถางที่นำมาใช้เป็นกระถางที่สวนนงนุช ผลิตขึ้นมาเอง นับเป็นภูมิปัญญาของ คนไทย ที่น่าทึ่งและน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง สร้างขึ้นตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998)
สวนสับปะรดสี (Bromeliad House)
ชมความงามของสับปะรดสีมากกว่า 300 ชนิด ทั้งพันธุ์แท้ของประเทศไทยและนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ฮอลแลนด์ ในเรือนที่ จัดไว้ให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติ ซึ่งจัดตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสับปะรดสี ที่โชว์ความงามของดอกและใบ
สวนกล้วยไม้ (Orchid Garden)
ชมกล้วยไม้พันธุ์ต่างๆ เช่น แคทลียา แวนด้า หวาย กล้วยไม้ตระกูลช้าง กล้วยไม้ป่าจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก และกล้วยไม้ลูกผสม โดยเฉพาะพันธุ์แคทลียาสายพันธุ์ใหม่ ที่สวนนงนุช ได้ทำการผสมพันธุ์ขึ้นเอง ลักษณะดอกขนาดใหญ่ และมี กลิ่นหอม
สวนโมก (Wrightia Tomentosa Garden)
เป็นสวนโมกที่มีการนำยอดโมกลายหรือโมกบ้าน มาเสียบกับต้นโมกป่า (โมกมัน) ด้วยวิธีการใหม่และการตัดแต่งที่พิถีพิถันทำให้ รูปลักษณะของต้นที่มีพุ่มสวยงาม แปลกตา ดอกมีกลิ่นหอม
สวนน้ำพุ(Fountain Garden)
เป็นสวนที่จัดสร้างขึ้นมาตั้งแต่เริ่มสร้างสวนนงนุช ซึ่งปัจจุบันนี้ ยังคงรักษาโครงสร้างเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ได้ตกแต่งเพิ่มเติม ไม้ดอกไม้ประดับในสวนนี้ให้สวยงามอยู่ตลอดเวลา
โรงแสดง (Thai Cultural Hall)
เป็นสถานที่จัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ที่จัดตกแต่งประดับฉากอย่างสวยงาม เหมาะสมกับชุดการแสดงในแต่ละชุด ที่แสดง ให้เห็นถึงความอ่อนช้อย งดงาม ของศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง ของคนไทย เช่น ระบำสี่ภาค ระบำเทพนฤมิต มหกรรมกลอง ยุทธหัตถี ฯลฯ และลานแสดงช้างแสนรู้ ด้านหลังของโรงแสดง ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับการแสดงความสามารถพิเศษของช้างแสนรู้ อันสนุกสนาน ตื่นตาตื่นใจ กว่า 30 เชือก เช่น ช้างเล่นฟุตบอล บาสเกตบอล ตีกอล์ฟ วาดรูป นวดคน ฯลฯ ซึ่งเปิดการแสดงทุกวัน วันละ 4 รอบ คือ 9.45 น. 10.30 น. 15.00 น. และ 15.45 น. รอบละ 1 ชั่วโมง
สวนฝรั่งเศส | |
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
มินิการเด้นท์พันธ์ไม้ดอกไม้ประดับ | |
![]() | ![]() |
สัตว์้น้อยน่ารักในสวนสัตว์ | |
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
![]() | ![]() |
รายละเอียดเพิ่มเติม
เปิดให้เข้าชมเวลา 7.00-18.00 น.ซึ่งสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานในกรุงเทพฯ โทร. 2521786, 2529975 หรือ ที่พัทยา โทร. (038) 238158-9 โทร. 038 - 709 - 358 – 62 รายละเอียดและอัตราการเข้าชมต่างๆที่ www.nongnoochtropicalgarden.com
เปิดให้เข้าชมเวลา 7.00-18.00 น.ซึ่งสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานในกรุงเทพฯ โทร. 2521786, 2529975 หรือ ที่พัทยา โทร. (038) 238158-9 โทร. 038 - 709 - 358 – 62 รายละเอียดและอัตราการเข้าชมต่างๆที่ www.nongnoochtropicalgarden.com
24 แหล่งท่องเที่ยว สำคัญเมืองชล

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก chonburi.go.th, นิตยสารคู่หูเดินทาง, pattaya.go.th, tigerzoo.com,เฟซบุ๊ก mimosapattaya, เฟซบุ๊ก Silverlake - Pattaya, Thailand, pattayapark.com และ ททท.
ชลบุรี...เมืองแห่งการท่องเที่ยวระดับโลกที่หลากหลายเกินใจคิด เพราะมีทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ วัด วัง หรือจะไปดื่มด่ำกับความงามของธรรมชาติ ผืนไพร และสัตว์ป่าก็มีพร้อม แถมใครชื่นชอบกิจกรรมสนุก ๆ ที่นี่ก็มีพร้อม หรือจะปล่อยใจไปกับโชว์สุดอลังการระดับโลก เดินช้อปปิ้งสุดสนุก มีเพียงชลบุรีเท่านั้นที่จะพาคุณไปพบประสบการณ์ทั้งหมดนั้นได้ โดยวันนี้เราได้รวบรวมเอาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเมืองชลบุรีมาแนะนำกัน


วัดใหญ่อินทาราม เดิมชื่อ "วัดหลวง" เป็นวัดสำคัญเก่าแก่คู่เมืองชลบุรี สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างชั้นครูที่งดงามมาก สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ทรงตรัสชมว่า "ฝีมืองามมาก อย่าให้ซ่อมแซมเป็นอันขาด" โดยเฉพะภาพจิตรกรรมฝาผนังเหนือขอบหน้าต่างเป็นภาพเทพชุมนุม ส่วนที่ผนังสองด้านเขียนเรื่องทศชาติชาดก พระเวสสันดรชาดก และยังมีพลับพลาตรีมุข สร้างด้วยไม้ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อสำริดทรงเครื่องกษัตริย์ เรียกกันว่า "หลวงพ่อเฉย" ถ้าเป็นไปได้ ควรไปเที่ยวชมวัดนี้ในวันพระ เพราะถ้าเป็นวันธรรมดา ต้องติดต่อขอกุญแจโบสถ์จากเจ้าอาวาส นอกจากนี้ ยังมีพระนักวิชาการพานำชมและอธิบายให้ความรู้ด้วย
ที่ตั้ง : อยู่กลางเมืองชลบุรี จากถนนสุขุมวิท เลี้ยวเข้าตัวเมืองชลฯ ที่สี่แยกเฉลิมไทย เข้าสู่ถนนโพธิ์ทอง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจตน์จำนงค์ วัดอยู่ทางด้านซ้ายมือ ก่อนถึงสี่แยกตัดกับถนนอัครนิวาส (สี่แยกท่าเกวียน) หน้าวัดมีลานจอดรถกว้างขวาง
การเดินทาง : ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว สามารถขึ้นรถสองแถวสายรอบเมืองชลบุรีได้
เวลาทำการ : เที่ยวชมได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
ติดต่อ : โทรศัพท์ 0 3827 5844


หาดบางแสน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวไทยมาช้านาน มีถนนตัดเลียบหาดเคียงคู่ไปกับทิวมะพร้าว ถัดเข้าไปมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และที่พักเรียงรายอยู่จำนวนมาก นักท่องเที่ยวนิยมไปนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์ทะเลกันบนเก้าอี้ผ้าใบบนชายหาด พร้อมมีบริการห่วงยางให้เช่าว่ายน้ำ มีเรือบานาน่าโบ๊ท จักรยานให้เช่า และห้องอาบน้ำจืด ทุกวันหยุดหาดบางแสนจะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นชายหาดขนาดใหญ่ที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด จึงสามารถเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับได้
บางแสน เริ่มเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2486 จนถูกขนานนามว่า "บางแสนดินแดนสุขี" มีผู้เดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก จนครั้งหนึ่งบางแสนเคยทรุดโทรม ผิดกับปัจจุบันที่ได้รับการดูแลจัดระเบียบอย่างดี จึงกลายเป็นชายหาดที่สะอาด น่าเที่ยวในทุกฤดูกาล โดยหาดบางแสนนี้มีความยาวต่อเนื่องกันถึง 4.5 กิโลเมตร แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ หาดบางแสน เป็นช่วงกลางของหาดและเป็นจุดที่นิยมลงเล่นน้ำกัน ถัดมาคือ แหลมแท่น เป็นช่วงเหนือสุดของหาด มีโขดหินสวยงาม ลงเล่นน้ำไม่ได้ และส่วนสุดท้ายคือ หาดวอนนภา เป็นชายหาดตอนใต้สุด บรรยากาศเงียบสงบ มีหมู่บ้านประมงพื้นถิ่นเล็ก ๆ กระจายอยู่ห่าง ๆ กัน
ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากตัวเมืองชลบุรี 14 กิโลเมตร ที่ตำบลแสนสุข แยกขวาจากถนนสุขุมวิท ตรงหลักกิโลเมตร 104 เข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร
การเดินทาง : ถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัว สามารถขึ้นรถสองแถวได้ที่ตลาดหนองมนเข้าสู่หาดบางแสน มีรถวิ่งตลอดวัน
เวลาทำการ : เที่ยวชมได้ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


เขาสามมุข เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงควบคู่กับหาดบางแสน เป็นทั้งที่ตั้งของศาลเจ้าแม่สามมุขอันศักดิ์สิทธิ์ และเป็นจุดชมวิวบนยอดเขาสูงที่มีฝูงลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก และชอบออกมาอวดโฉมเพื่อขออาหารกันอยู่ตลอดวัน ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไปเล่นน้ำที่หาดบางแสน ก่อนกลับบ้านมักจะแวะเที่ยวที่นี่เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่มีร้านอาหารทะเลอร่อย ๆ อยู่หลายร้าน
ศาลเจ้าแม่สามมุข เป็นศาลเจ้าจีนที่ตั้งอยู่ภายใต้หลืบผาหิน บริเวณเชิงเขาสามมุขด้านทิศเหนือหันหน้าออกสู่ทะเล โดยย้ายมาจากบริเวณด้านตะวันตกของเขาสามมุข ศาลแห่งนี้มักมีผู้คนแวะมากราบไหว้ขอพรและบนบานกันอยู่เสมอ โดยผู้ที่ได้รับผลสำเร็จตามคำขอจะแก้บนด้วยการจุดประทัดและซื้อสร้อยมุขมาถวายแด่รูปปั้นเจ้าแม่ นับเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชาวจีน ฮ่องกง และไต้หวัน นิยมปฏิบัติกันมาก ชั้นบนของศาลเจ้าแม่ฯ เป็นวิหารพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ให้สักการะ บริเวณหน้าวิหารมีระเบียงชมวิวทะเลด้วย
ที่ตั้ง : อยู่บริเวณแหลมสามมุข จากอ่างศิลาไปตามทางหลวงหมายเลข 3134 อีกราว 3 กิโลเมตร พบป้ายบอกทางไปเขาสามมุข เลี้ยวขวาไปตามป้ายอีก 1 กิโลเมตร จนถึงศาลเจ้าแม่สามมุข หรือถ้ามาจากหาดบางแสน ใช้ถนนเส้นเลียบหาดมุ่งตรงสู่แหลมแท่น จะมีป้ายบอกทางไปตลอด ห่างจากหาดบางแสนราว ๆ 2 กิโลเมตร
การเดินทาง : เขาสามมุขไม่มีรถสองแถวผ่าน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก หรือไม่ต้องเช่ารถสองแถวจากตลาดหนองมนให้ไปส่ง แล้วรอรับกลับก็ได้
เวลาทำการ : เขาสามมุขเป็นพื้นที่สาธารณะ จึงผ่านไปชมได้ตลอดเวลา แต่กลางคืนค่อนข้างเปลี่ยว นักท่องเที่ยวนิยมไปเยือนและกราบไหว้ศาลเจ้าแม่สามมุขในเวลากลางวัน จนถึงเวลาประมาณ 18.00 น.


สวนสัตว์เปิดเขาเขียว เป็นป่าแห่งเดียวของชลบุรี ดำเนินงานโดยองค์การสวนสัตว์ นักท่องเที่ยวจะได้ชมสัตว์มากถึง 300 ชนิด ทั้งสัตว์ของไทยและจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นช้าง กระทิง วัวแดง ฮิปโปโปเตมัส ชะนี ค่าง ลิงลม (นางอาย) ม้าลาย ยีราฟ นกกระจอกเทศ ไฮยีน่า เสือ สิงโต กวางดาว ละมั่ง แพะภูเขา เลียงผา หมี นกยูง นกกระเรียน นกเงือก ฯลฯ ซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่กว้างขวาง มีการจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นธรรมชาติเหมาะแก่อุปนิสัยของสัตว์นั้น ๆ และสามารถให้นักท่องเที่ยวเดินชมได้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ยังมีบางส่วนอยู่ในกรงเพื่อกันการหลบหนี และเพื่อความปลอดภัยของตัวนักท่องเที่ยวเอง
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2517 โดยฟื้นฟูสภาพป่าเขาเขียวที่เสื่อมโทรมขึ้นมาใหม่ จากนั้นได้นำสัตว์บางส่วนจากสวนสัตว์ดุสิตมาปล่อยเลี้ยงไว้ตามสภาพธรรมชาติ แล้วเริ่มเปิดให้คนเข้าชมเมื่อปี พ.ศ. 2521 ปัจจุบันมีเนื้อที่กว่า 5,000 ไร่ นับเป็นสวนสัตว์เปิดที่มีเนื้อที่มากที่สุดในโลก แบ่งออกเป็นส่วนวิจัยและศึกษาพันธุ์สัตว์ป่าหายาก สวนสัตว์เปิด และส่วนบริการ จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือ "สวนนก" ซึ่งสร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กขนาดใหญ่คลุมด้วยตาข่าย กินพื้นที่ถึง 5 ไร่ ภายในมีเส้นทางเดินขึ้นไปเนินเขา แล้ววนกลับลงมา ที่นี่มีนกหลายชนิดส่งเสียงร้องและบินไปมาอยู่ทั่วสวน อาทิ นกฟลามิงโก้ นกเขียวคราม นกกางเขนดง นกแต้วแล้ว นกขมิ้น ไก่ฟ้า เป็ดก่า และอื่น ๆ นอกจากนี้ ทุกวันยังมีการจัดกิจกรรมชมสัตว์ในเวลากลางคืน (Night Safari) แก่บุคคลทั่วไปอีกด้วย
ที่ตั้ง : บริเวณเชิงเขาเขียว ห่างจากตัวเมืองศรีราชาเข้าไป 25 กิโลเมตร
การเดินทาง
- รถยนต์ส่วนตัว จากถนนสุขุมวิทบริเวณตลาดบางพระ เดินทางไปตามป้ายบอกทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ที่มีอยู่อย่างชัดเจนเป็นระยะ ๆ ถนนจะลัดเลาะไปตามขอบอ่างเก็บน้ำบางพระ ผ่านสนามกอล์ฟบางพระ ขึ้นสะพานข้ามทางหลวงหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-พัทยา) จากนั้นตรงต่อไปอีก 7 กิโลเมตร จนถึงปากทางเข้าสวนสัตว์ฯ สามารถขับรถวนภายในสวนสัตว์ และจอดแวะชมตามจุดต่าง ๆ ได้โดยสะดวก
- รถสองแถว คิวอยู่ในถนนไปอ่างเก็บน้ำบางพระ ตรงข้ามศาลเจ้า จะรอให้คนเต็มหรือจะเหมาไปก็ได้
เวลาทำการ : 08.00-18.00 น. ส่วนบริการ Night Safari มี 2 รอบ คือเวลา 19.00 น. และ 20.00 น.
ติดต่อ : โทรศัพท์ 0 3829 8270, 0 3829 8195 หรือเว็บไซต์ www.kkopenzoo.com


พัทยา เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำ จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวเริ่มจากทหารอเมริกันได้แวะขึ้นฝั่ง แล้วเช่าบ้านพักตากอากาศที่พัทยาเป็นประจำทุกสัปดาห์ ต่อมาพัทยาจึงได้พัฒนาขึ้นจากหมู่บ้านชายทะเลอันเงียบสงบ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศระดับนานาชาติดังที่ปรากฏในปัจจุบัน
หาดพัทยา เป็นหาดทรายที่มีความยาวต่อเนื่องประมาณ 3 กิโลเมตรเศษ โดยแบ่งเป็นพัทยาเหนือ พัทยากลาง และพัทยาใต้ โดยที่หาดพัทยาใต้นั้นถือเป็นศูนย์รวมความเจริญและแสงสี ยามค่ำคืนมีการปิดถนนเป็น Walking Street ให้นักท่องเที่ยวเดินช้อปปิ้งได้โดยสะดวก ส่วนบริเวณชายหาดก็ร่มรื่น แถว ๆ หาดพัทยาเหนือเป็นบริเวณที่สงบกว่าส่วนอื่น นักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวนิยมไปเล่นน้ำพักผ่อน หรือเล่นกีฬาทางน้ำต่าง ๆ ส่วนชายหาดพัทยากลางไปถึงพัทยาใต้จะคึกคักคับคั่งกว่า เพราะเป็นย่านธุรกิจ ร้านค้า โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านขายของที่ระลึก และแหล่งบันเทิงครบวงจร
ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากอำเภอเมืองชลบุรีประมาณ 50 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ 140 กิโลเมตร ช่วงระหว่างอำเภอบางละมุงและอำเภอสัตหีบ
การเดินทาง
- รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสุขุมวิทเข้าสู่เมืองพัทยา มี 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ สุขุมวิท-พัทยาเหนือ (หลัก กิโลเมตร 144) สุขุมวิท-พัทยากลาง (หลักกิโลเมตร 145-156) และสุขุมวิท-พัทยาใต้ (หลักกิโลเมตร 147) ทั้งสามสายจะไปพบกันที่ถนนเลียบหาดพัทยา โดยถนนที่ใช้ท่องเที่ยวย่านเมืองพัทยา คือ ถนนนาเกลือ ผ่านหาดวงอำมาตย์ ปราสาทสัจธรรม ถนนเลียบชายหาด เป็นวันเวย์ผ่านพัทยาเหนือ พัทยากลาง และพัทยาใต้ ถนนพัทยาสาย 2 จะผ่านแหล่งบันเทิง ที่กิน ที่พักมากมาย ถนนเขาพระบาท เป็นทางไปเที่ยวชมวิวบนเขาพระบาทและต่อไปยังหาดจอมเทียนได้ หรือจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (Motorway) สายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา เริ่มต้นจากด่านพระราม 9 ไปออกที่อำเภอบางละมุง แล้วตรงสู่พัทยา ระยะทาง 124 กิโลเมตร
- รถโดยสารประจำทาง จากกรุงเทพฯ ขึ้นได้ที่สถานีขนส่งสายตะวันออก (เอกมัย) และสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ มีรถออกตลอดวัน สอบถามเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 2391 2504, 0 231 9829
- รถไฟ มีสายกรุงเทพฯ-พัทยา-พลูตาหลวง ออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง วันละ 1 เที่ยว เวลา 06.55 น. ถึงสถานีพัทยาเวลา 10.45 น. (รวมเวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 40 นาที) สถานีรถไฟพัทยาอยู่นอกเมืองพัทยาเยื้องกับทางเข้าถนนพัทยานอก โทรศัพท์ 1690
ติดต่อ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา โทรศัพท์ 0 3842 7667, 0 3842 8750, 0 3842 3990


สวนเสือศรีราชา (Sriracha Tiger Zoo) เป็นสถานที่จัดแสดงเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลกว่า 200 ตัว รวมทั้งยังมีจระเข้อีกกว่า 100,000 ตัว และสัตว์อื่น ๆ อีกนานาชนิด นักท่องเที่ยวจะได้ชมการอยู่ร่วมกันของเสือกับหมูและสุนัข มีการแสดงจับจระเข้ การแสดงหมูวิ่งแข่ง ราชินีแมงป่อง ฯลฯ สวนเสือศรีราชาจัดตั้งขึ้นบนพื้นที่กว่า 250 ไร่ เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2540 โดยดำเนินงานอย่างมีมาตรฐานเพื่อพัฒนาพันธุ์สัตว์ อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และนันทนาการ พร้อมให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
โดยความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ คือ โชว์ละครสัตว์ "Amazing Circus" เป็นการแสดงความสามารถของสัตว์ ประกอบด้วยการแสดงของเสือโคร่ง หมี ลิงชิมแพนซี โจ๊กเกอร์โชว์ ชมความสามารถของเสือโคร่งพันธุ์เบงกอลที่สามารถลอดบ่วงไฟ เดินบนสะพานเชือก ทำตามคำสั่งของครูฝึก และอีกหลายความสามารถ โดยโรงละครสัตว์นี้สามารถบรรจุผู้ชมได้มากถึง 1,500 คน
ที่ตั้ง : เลขที่ 341 หมู่ 3 กิโลเมตร 20 ทางหลวงสาย 7 (ชลบุรี-พัทยาสายใหม่) ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา
การเดินทาง : อยู่ห่างจากตลาดศรีราชา (ทางไปโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา) ไปตามทางหลวงหมายเลข 3241 ประมาณ 10 กิโลเมตร
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทย ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 75 บาท (ส่วนสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร และต่ำกว่า 100 เซนติเมตรเข้าชมฟรี!) และชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 450 บาท เด็ก 250 บาท (ส่วนสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร และต่ำกว่า 100 เซนติเมตรเข้าชมฟรี!)
ติดต่อ : โทรศัพท์ 0 3829 6556-8 , 0 3833 9111, 0 3833 9517, 0 3833 8884 หรือเว็บไซต์ www.tigerzoo.com


เกาะล้าน เป็นเกาะที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมานานหลายสิบปีแล้ว เนื่องจากอยู่ใกล้กับพัทยา จึงเดินทางถึงกันได้โดยสะดวก ตัวเกาะล้านมีความยาว 5 กิโลเมตร กว้าง 2 กิโลเมตร มีชายหาดที่สวยงามหลายแห่ง ส่วนใหญ่คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ ดูปะการัง เล่นกีฬาทางน้ำ เช่น เจ็ตสกี บานาน่าโบ๊ท โดยเฉพาะที่หาดตาแหวน หาดทองหลาง หาดนวล และหาดเทียน ส่วนหาดแสมบรรยากาศเงียบสงบกว่าหาดอื่น บริเวณเกาะล้านและเกาะเล็ก ๆ โดยรอบ อย่างเกาะครก-เกาะสาก เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการัง ทั้งแบบน้ำตื้นและน้ำลึก รวมทั้งยังเป็นสถานที่ฝึกเรียนดำน้ำ และแหล่งตกปลาที่สำคัญ
จุดท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะล้าน ได้แก่ ท่าหน้าบ้าน เป็นท่าเรือของชุมชนเกาะล้าน ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยเรือเมล์จะไปถึง เมื่อมองย้อนกลับไปยังฝั่งจะเห็นเมืองพัทยาและหาดจอมเทียน ที่มีตึกสูงเรียงรายตลอดแนวชายฝั่ง นับเป็นจุดชมเมืองพัทยาที่สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง, หาดแสม เป็นหาดทรายขาวเนียนละเอียดทอดยาวประมาณ 800 เมตร เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังที่ดี ในอดีตเคยมีการพบแร่ทองคำและเป็นที่มาของชื่อแหลมทอง ทางหัวหาดด้านเหนือมีศาลเจ้าแม่แหลมทองที่ชาวเกาะล้านเคารพสักการะ
หาดเทียน อยู่ด้านเหนือของแหลมทอง ชายหาดหันหน้าตรงหัวเกาะไผ่ ตัวหาดทรายขาวยาว 500 เมตร ริมหาดมีต้นไม้ร่มรื่น และเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่สวยงาม, หาดตาแหวน เป็นหาดที่มีความสวยงาม ทรายขาวเนียนละเอียดทอดยาว 800 เมตร น้ำใส คึกคักด้วยนักท่องเที่ยวและเครื่องเล่นทางน้ำ เป็นจุดหลักของกรุ๊ปทัวร์ที่มาลงเล่นน้ำและกินอาหาร ไม่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักสงบ ถ้าสนใจควรหาโอกาสไปเที่ยวหลัง 16.00 น. เมื่อกรุ๊ปทัวร์เดินทางกลับหมดแล้ว
หาดทองหลาง อยู่ต่อเนื่องกับหาดตาแหวนทางด้านทิศเหนือ โดยมีแหลมหินคั่นอยู่ แต่ทางรถยนต์ต้องเข้าคนละเส้นทางกัน บรรยากาศของหาดนี้มักคึกคักไปด้วยกรุ๊ปทัวร์คล้ายหาดตาแหวน แต่เบาบางกว่า ชายหาดมีความยาวประมาณ 500 เมตร, หาดสังวาล เป็นชายหาดเล็ก ๆ ยาวเพียง 150 เมตร มีหาดทรายขาวละเอียดและน้ำใส เหนือชายหาดร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ นับเป็นชายหาดที่เหมาะสำหรับคนรักสงบอย่างแท้จริง, หาดนวล อยู่ในส่วนใต้สุดของเกาะล้าน ตัวหาดยาวประมาณ 350 เมตร ทรายไม่ขาวสวยเหมือนหาดอื่น แต่เป็นจุดดำน้ำตื้นที่ดี และเป็นบริเวณที่พบแร่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะล้านเชื่อว่าเป็นเหล็กไหลชนิดหนึ่ง นิยมนำมาทำเครื่องรางพกติดตัว เพื่อให้แคล้วคลาดจากอันตรายต่าง ๆ
เกาะสาก-เกาะครก เกาะสากเป็นเกาะเล็ก ๆ รูปเกือกม้าอยู่ทางเหนือของเกาะล้าน ห่างกันเพียง 600 เมตร มีหาดทรายขาวสวยยาวประมาณ 250 เมตร อยู่ด้านเหนือของเกาะ สงบเงียบเป็นส่วนตัวมาก ต้องเหมาเรือจากเกาะล้านไป หรือเหมาจากพัทยาราคาเท่ากับไปเกาะล้าน มีบ้านพักเปิดบริการ แต่ต้องโทรจองล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังควรเตรียมอาหารสดและเครื่องปรุงไปด้วย ส่วนเครื่องครัวที่บ้านพักมีให้
สำหรับที่เกาะครกนั้นมีหาดทรายเล็ก ๆ ไม่เหมาะสำหรับลงเล่นน้ำ แต่นักท่องเที่ยวนิยมดำน้ำดูปะการัง ซึ่งอาจไม่คุ้มกับค่าเหมาเรือไป
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งออกไปราว 7.5 กิโลเมตร
การเดินทาง : นั่งเรือโดยสารประมาณ 45 นาที แต่ถ้าเป็นเรือเร็วใช้เวลาเพียง 15 นาที มีเรือโดยสารออกจากท่าพัทยาใต้ไปเกาะล้านทุกวัน และที่เกาะล้านเรือจอดบริเวณท่าหน้าบ้าน หากเดินทางต่อไปชายหาดอื่น สามารถเช่าเรือหางยาวหรือรถรับจ้าง นอกจากนี้ ยังมีบริการเรือเร็วให้เช่าอยู่ทั่วไปตามชายหาดพัทยา อัตราค่าเช่าสามารถแวะเที่ยวได้หลายหาด แล้วแต่จะตกลงกัน


เกาะสีชัง เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี เป็นที่จอดเรือสินค้านานาชาติ และเป็นเกาะน่าท่องเที่ยวในบรรยากาศท้องถิ่น ซึ่งสามารถแวะท่องเที่ยวในวันเดียวหรือพักค้างคืนก็ได้ ชุมชนเกาะสีชังอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ และเป็นพื้นที่ตั้งท่าเรือเทววงศ์ (ท่าล่าง) รวมทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถสามล้อเครื่องหรือสกายแล็ปไปสู่ จุดท่องเที่ยวต่าง ๆ บนเกาะ
จุดท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะสีชัง ได้แก่ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ตั้งอยู่บนเขาคยาศิระ ห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของเกาะ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งดัดแปลงเป็นศาสนสถาน ที่ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมจีนและไทย ภายในมีศาลเจ้าพ่อเฮ่งเจีย ศาลเจ้าแม่กวนอิม วิหารพระสังกัจจายน์ ฯลฯ จากบริเวณศาลสามารถมองเห็นทิวทัศน์บ้านเรือนด้านหน้าเกาะได้อย่างชัดเจน, หาดเขาถ้ำพัง อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ เป็นชายหาดกว้าง สะอาด และสวยงาม เม็ดทรายละเอียด น้ำใสสะอาดเหมาะแก่การลงเล่นน้ำ
รอยพระพุทธบาท อยู่บนยอดเขาเหนือศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ จำลองขึ้นจากรอยพระพุทธบาทที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อปี พ.ศ. 500 มีความยาวศอกเศษ ทำจากหินชนวน สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนำมาจากวัดพุทธคยา ประเทศอินเดีย แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้บนยอดเขา นอกจากนี้ ยังมีพระบรมสารีริกธาตุให้สักการบูชาอีกด้วย จุดชมวิวยอดเขาพระพุทธบาทสามารถชมอาทิตย์อัสดงได้งดงามมาก เพราะจะมองเห็นตัวเกาะสีชังทั้งเกาะ รวมถึงเกาะขามใหญ่ และทัศนียภาพทะเลโดยรอบ
ช่องเขาขาด และหาดหินกลม ตั้งอยู่ด้านหลังเกาะ ชาวบ้านจึงเรียกกันติดป่าว่า “หลังเกาะ” หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา ในบริเวณนี้มีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์ ซึ่งมองเห็นพระอาทิตย์อัสดงได้อย่างงดงาม นอกจากนี้ ยังมีหาดหินกลมที่เต็มไปด้วยก้อนหินขนาดต่าง ๆ มากมาย ในอดีตหาดหินกลมเคยเป็นสถานที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5, ศิลาจารึก ตั้งอยู่ข้างสนามฟุตบอลโรงเรียนเกาะสีชัง เป็นแผ่นหินขนาดใหญ่จารึกเรื่องการสร้างพระราชฐานบนเกาะสีชัง, เก๋งจีน ลักษณะเป็นศาลาโบราณ มีรูปมังกรและนกยูงประดับอยู่ตามยอด เคยเป็นที่ประทับชั่วคราวของรัชกาลที่ 5 ครั้งพระองค์เสด็จประพาส ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ จนกลับคืนความงามดังเดิม
พระจุฑาธุชราชฐาน อยู่ห่างจากท่าเรือเทววงศ์ลงมาทางใต้ของเกาะ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นที่ประทับฤดูร้อน ภายในบริเวณมีภูมิทัศน์สวยงาม ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง ถัดขึ้นไปเป็นตึกวัฒนา พระตำหนักทรงปั้นหยา เรือนไม้ลวดลายขนมปังขิง ตึกผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม ตึกเขียว (เรือนมรกตสุทธิ์) ตึกอภิรมย์ และวัดอัษฎางค์นิมิตบนยอดเขา ซึ่งก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมตะวันตก ส่วนพระราชวังทำด้วยไม้สักได้รื้อไปก่อสร้างเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆที่กรุงเทพฯ
วัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2435 เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ในวาระที่ประสูติ ณ เกาะสีชัง วัดนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาคยาศิระ มีโบสถ์ หอระฆัง พระพุทธบาทจำลอง และพระประธานปางมารวิชัยที่งดงาม
ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลอำเภอศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร
การเดินทาง : เดินทางโดยเรือเมล์จากศรีราชา ใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือจรินทร์ ถนนเจิมจอมพลในอำเภอศรีราชา มีเรือโดยสารไปเกาะสีชังทุกวัน ระหว่างเวลา 07.00-20.00 น. ออกทุก ๆ ชั่วโมง อัตราค่าโดยสาร คนละ 50 บาท และจากเกาะสีชังกลับเข้าฝั่งศรีราชา มีเรือวิ่งตั้งแต่ 06.00-18.00 น. มีเรือออกทุก ๆ ชั่วโมง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เรือสีชังพาเลซ โทรศัพท์ 0 3821 6276-82 และเรือแสงประทีปบริการ โทรศัพท์ 0 3831 3687


อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา (Underwater World Pattaya) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งทำให้ผู้มาเยือนเหมือนกับได้เดินทางดำดิ่งลงสู่โลกใต้ทะเล โดยเริ่มจากชายฝั่งอันเป็นหาดทรายและแก่งหิน ลงลึกไปยังดงปะการังสีสันสดใส จนถึงท้องทะเลลึก นักท่องเที่ยวจะได้เข้าชมในอุโมงค์ซึ่งสร้างเป็นทางลอดไปในอควาเรียมขนาดใหญ่ ที่จำลองสภาพแวดล้อมธรรมชาติใต้ทะเลไว้อย่างสวยงามและใกล้ชิด
อันเดอร์วอเตอร์ เวิลด์ พัทยา เปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ในเนื้อที่ 12 ไร่ และมีสัตว์น้ำมากกว่า 4,500 ตัว จาก 200 กว่าชนิด โดยจัดแสดงสัตว์น้ำไว้ในอาคารได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ มีการสร้างเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวมากกว่า 100 เมตร นับเป็นอุโมงค์กระจกใสที่ยาวที่สุดของเอเชีย มีสัตว์ทะเลหลายชนิดจัดแสดง ตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็กอย่างปลาการ์ตูน ม้าน้ำ ไปจนถึงสัตว์อย่างฉลาม กระเบนขนาดใหญ่ และนากเล็กเล็บสั้น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีบ่อสัมผัส (Touch Pool) ให้นักท่องเที่ยวจุ่มมือลงไปสัมผัสสัตว์ทะเลที่มีนิสัยเป็นมิตรบางชนิดได้อย่างปลอดภัย อาทิ ปลาดาว ฉลามกบ ฯลฯ
ที่ตั้ง : เลขที่ 22/22 หมู่ 11 หลักกิโลเมตร 151 ริมถนนสุขุมวิท ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง (ช่วงจอมเทียน)
การเดินทาง : ตั้งอยู่ริมถนน สามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก ทั้งรถยนต์ส่วนตัว และรถโดยสารประจำทาง
เวลาทำการ : 09.00-18.00 น. ทุกวัน (เปิดรับนักท่องเที่ยวชุดสุดท้าย 17.30 น.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) ราคา 250 บาท, ผู้ใหญ่ (ชาวต่างชาติ) ราคา 450 บาท, เด็ก (ชาวไทย) ราคา 150 บาท, เด็ก(ชาวต่างชาติ) ราคา 250 บาท แต่ถ้าเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร เข้าชมฟรี
ติดต่อ : โทรศัพท์ 0 3875 6876-9 หรือเว็บไซต์ www.underwaterworldpattaya.com


ปราสาทสัจธรรม (Sanctuary of Truth) ตั้งอยู่ ณ บริเวณอ่าววงพระจันทร์ แหลมราชเวช ตำบลนาเกลือ ในเนื้อที่ 80 ไร่ งดงามด้วย "สถาปัตยกรรมไม้ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก" ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า "วังโบราณ" บ้างก็เรียกตามวัสดุของตัวอาคารว่า "ปราสาทไม้" แต่เจ้าของความคิดและผู้ดำเนินการก่อสร้าง คือ คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ) เรียกอาคารแห่งนี้ว่า "ปราสาทสัจธรรม" โดยเริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2524 จวบจนปัจจุบันก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
ตัวปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ไม่มีโลหะหรือปูนเข้ามาปะปน ยกเว้นส่วนฐานที่เป็นคอนกรีต มีการใช้ระบบเข้าเดือยไม้แบบไทย หรือใส่สลักไม้ตามภูมิปัญญาโบราณ ตัวปราสาทเป็นทรงจัตุรมุข สูง 100 เมตร กว้าง 100 เมตร แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรพิสดาร ทั้งภายนอกและภายใน กล่าวกันว่างามดั่งเทพนฤมิต สะท้อนแนวคิดนามธรรมออกมาตีแผ่เป็นรูปธรรมให้สัมผัสได้ สื่อถึงความสำคัญของศาสนาและปรัชญาตะวันออก
ที่ตั้ง : เลขที่ 206/2 หมู่ 5 แหลมราชเวช อ่าววงพระจันทร์ ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง ห่างจากพัทยาใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร
การเดินทาง : ทางเข้าอยู่บริเวณซอยนาเกลือ 12 ตรงเข้าไปจนเกือบสุดซอย มีซุ้มประตูขนาดใหญ่ของปราสาทสัจธรรมอยู่ทางขวามือ
เวลาทำการ : 08.00-17.00 น. ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 250 บาท
ติดต่อ : โทรศัพท์ 0 3836 7229, 0 3836 7815 เว็บไซต์ www.sanctuaryoftruth.com


สถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางศิลปวัฒนธรรมไทยกลางใจเมืองพัทยา จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไทยที่เรียบง่าย และแสดงให้เห็นถึงความผูกพันกับสายน้ำตั้งแต่อดีตสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลใน 4 ภาค ของประเทศไทย ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ และที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันงดงาม นั่งเรือพายชมทัศนียภาพ 2 ฝั่งน้ำ สัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การค้าขายทางน้ำ ตระการตากับร้านค้าเรือนไทยไม้สักทั้งหลังที่สวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตลาดน้ำ จุดเด่นของเรือนไม้สักของแต่ละภาคที่สังเกตง่าย ๆ คือ หน้าจั่วที่มีลักษณะแตกต่างกัน สำหรับสินค้าทั้ง 4 ภาค จะแตกต่างกันออกไปตามวิถีชีวิตแต่ละภาค
ที่ตั้ง : ตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา ตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท อยู่ห่างจากพัทยาใต้ไปทางสัตหีบ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร (ฝั่งซ้ายมือ) ก่อนถึงป้ายสุดเขตเมืองพัทยา
เวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 19.00 สอบถามเพิ่มเติม โทรศัพท์ 0 3870 6340


ไร่องุ่นของดารา สุพรรษา เนื่องภิรมย์ ตั้งอยู่ติดกับเขาชีจรรย์ มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 1,200 ไร่ มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในยามที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าคือความงดงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างไว้อย่างลงตัว แสงอาทิตย์สะท้อนผิวน้ำส่องประกายระยิบระยับสีเงินแวววาว นั่นคือที่มาของชื่อ Silver Lake หรือ ทะเลสาบสีเงิน ส่วนภายในไร่มีองุ่นสด องุ่นแปรรูป ไวน์ ร้านอาหาร และบริการรถสำหรับนั่งชมทั่วไร่องุ่น คุณสุพรรษาภูมิใจให้คุณได้บันทึกภาพ และเปิดรับประสบการณ์แห่งความทรงจำที่ไม่อาจลืมได้ที่ไร่องุ่น Silver Lake แห่งนี้
ความงดงามของไร่องุ่นสุดสายตา อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นสีเงินแวววาว อันเป็นที่มาของชื่อ "ซิลเวอร์เลค" ทำให้ไร่องุ่นแห่งนี้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ บนพื้นที่กว่า 1,200 ไร่ โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นพื้นที่ปลูกองุ่นซึ่งมีทั้งองุ่นทานสดและองุ่นสำหรับทำไวน์ โดยไร่องุ่นเป็นของดารารุ่นใหญ่ สุพรรษา เนื่องภิรมย์ นอกจากนี้ ยังมีบ้านพักท่ามกลางธรรมชาติในไร่องุ่นที่มีแห่งเดียวในชลบุรี ให้คุณได้ไปนอนสัมผัสกับธรรมชาติของภูเขา ทะเลสาบ และสวนดอกไม้ที่สวยงาม
ติดต่อ : สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2261 6565 หรือเว็บไซต์www.silverlakethai.com


Art in Paradise พิพิธภัณฑ์ศิลปะเก๋ ๆ ที่รวบรวมเอาภาพวาด 3 มิติ เอาไว้มากกว่า 140 ภาพ บนพื้นที่ประมาณ 5,800 ตารางเมตร โดยมีศิลปินชาวเกาหลีใต้ ชิน แจ ยอล (Shin Jae Yeoul) เป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ ด้วยการเนรมิตพัทยาพัลลาเดียมเก่าให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสุดอลังการ ชนิดที่ว่าคนรักการถ่ายภาพมาเห็นเป็นต้องแชะภาพแบบนันสต็อปเลยล่ะ นอกจากนี้ ยังแบ่งห้องแสดงภาพออกเป็น 10 ห้องด้วยกัน เพื่อจัดแสดงภาพให้เป็นหมวดหมู่ มีทั้ง ห้องลวงตา, ห้องใต้สมุทร, ห้องสัตว์ป่า, ห้องภาพจิตรกรรมของศิลปินระดับโลก, โถงอารยธรรม, ห้องศิลปะเหนือจริง, ห้องไดโนเสาร์, ห้องน้ำตกสูงชัน, ห้องวิวทิวทัศน์ และสุดท้ายห้องนิทรรศการศิลปะ ที่ตั้งใจเตรียมไว้สำหรับจัดแสดงผลงานทางศิลปะของศิลปินที่สนใจจะเข้าไปใช้พื้นที่ด้วย
ภาพทุกภาพในพิพิธภัณฑ์ Art in Paradise ถูกวาดขึ้นบนกำแพงสีขาวในแบบที่ไม่มีตัวช่วยใด ๆ ถ้าเอามือไปสัมผัสจะพบได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในภาพไม่เว้นแม้แต่กรอบรูปคือสิ่งที่วาดขึ้นมาทั้งหมด แม้กระทั่งบันไดสูงชันที่อาจเผลอก้าวขาขึ้นโดยไม่รู้ตัวก็เป็นเพียงบันไดภาพวาดบนพื้นราบเรียบเท่านั้น ที่สำคัญคือนอกจากภาพวาดทั่วไปแล้ว เขายังเอาใจคนไทยด้วยภาพวาดที่แสดงอารยธรรมไทยหลายภาพ โดยเฉพาะภาพสระบัวที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ เป็นภาพที่ดูอบอุ่นและเข้าใจแก่นแท้ของศาสนาพุทธได้ดีทีเดียว
การเดินทาง : ใครอยากลองไปสัมผัสความอาร์ตที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปพัทยาได้เลย หาไม่ยากแค่เลี้ยวขวาจากถนนสุขุมวิทเข้าพัทยาเหนือ ผ่านหน้าโลตัสและศาลากลางเมืองพัทยา เลี้ยวซ้ายไปทางบิ๊กซีพัทยาเหนือตรงไปอีก 300 เมตร ก็จะเจอพิพิธภัณฑ์ Art in Paradise แล้ว
เวลาทำการ : โดยเปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 น. ซึ่งสามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ถึงเวลา 20.00 น. ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 3842 4500


มิโมซ่า พัทยา แหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่สุดน่ารักภายใต้แนวคิด "The City of Love" และบรรจงสร้างสรรค์ทัศนียภาพให้เกิดเป็นเมืองแห่งความรัก โดย Mimosa Pattaya เป็นเมืองที่มีกลิ่นอายสถาปัตยกรรมเมืองโบราณของฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยสีสันสดใส น่ารักน่ามอง บ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์แห่งเดียวในเมืองพัทยา แถมยังโอบล้อมด้วยบรรยากาศอันสุดแสนจะโรเเมนติก และหอมหวนไปกับกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังมีคลองเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านกลางเมือง มีหงส์คู่ที่ว่ายเวียนวนไปมาให้ได้ชื่นชมกันเพลิน ๆ หรือพิเศษสุด ๆ กับโชว์สุดอลังการ ที่น่าประทับใจ ณ ลานน้ำพุดนตรี ที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนมาสร้างความบันเทิงทุกวัน
อีกทั้ง Mimosa Pattaya ยังเป็นศูนย์รวมสินค้าที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ทั้งร้านอาหารไทย อาหารนานาชาติหลากหลายชนิด ร้านขนมหวานที่ตกแต่งร้านสไตล์น่ารักน่านั่ง ที่พร้อมให้บริการอย่างครบครัน หรือหากเดินเล่นจนเมื่อยแล้วก็ไปผ่อนคลายสบายๆ ด้วยการนวดแผนไทยและการนวดอโรมา ฯลฯ
ที่ตั้ง : สำหรับ Mimosa Pattaya ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงแรมแอมบาสเดอร์ จอมเทียน จังหวัดชลบุรี เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 ที่ผ่านมา
เวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 - 23.00 น.
ติดต่อ : ติดตามข่าวสารได้ทาง เฟซบุ๊ก mimosapattaya หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0 3823 7318-9


สวนนงนุช (Nong Nooch Tropical Botanical Garden) เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในพื้นที่กว่า 1,500 ไร่ ภายในมีสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด เช่น สวนกล้วยไม้ เฟิน สับปะรดสี สวนไม้พุ่มไม้ดัด สวนปาล์มจากทั่วทุกมุมโลก สวนตะบองเพชรและไม้อวบน้ำ สวนบอนไซ สวนเฟื่องฟ้า สวนโมก สวนน้ำพุ สวนหิน สวนฝรั่ง สวนผีเสื้อ สวนรถไฟจำลอง สโตนเฮนจ์ ฯลฯ พร้อมที่พักเป็นเรือนไม้สักทรงไทย มีห้องประชุมสัมมนา สวนสัตว์ และศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ประกอบด้วยการฟ้อนรำพื้นเมือง ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว กีฬาพื้นบ้าน และการแสดงของช้าง
เดิมพื้นที่สวนนงนุชเคยเป็นสวนผลไม้มาก่อน กระทั่งปี พ.ศ. 2497 คุณพิสิทธิ์และคุณนงนุช ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินบริเวณนี้ไว้ แล้วจัดเป็นสวนให้ประชาชนเข้าชม โดยเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2523 ปัจจุบันนี้สวนนงนุชกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับแนวหน้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้าเยี่ยมชมประมาณวันละ 2,000 คน
ที่ตั้ง : เลขที่ 34/1 หมู่ 7นาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ
การเดินทาง : อยู่ห่างจากปากทางเข้าพัทยาใต้ 18 กิโลเมตร โดยแยกซ้ายจากถนนสุขุมวิท บริเวณกิโลเมตร 163 เข้าไปประมาณ 3.5 กิโลเมตร
เวลาทำการ : 08.00-18.00 น. ทุกวัน
ติดต่อ : โทรศัพท์ 0 3870 9358-62, 0 3823 8061-62, 0 3823 8161 เว็บไซต์www.nongnoochtropicalgarden.com


เขาชีจรรย์ เป็นเขาหินปูน เดิมมีการระเบิดหินนำไปใช้ในการก่อสร้าง ต่อมาสมเด็จพระญาณสังวร ทรงเสียดายลักษณะภูมิทัศน์อันสง่างามของเขาลูกนี้ จึงมีพระดำริที่จะอนุรักษ์ไว้ และได้ดำเนินการสร้างพระพุทธรูปแกะสลักในลักษณะของพระพุทธฉายที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ใน พ.ศ.2539 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามพระพุทธรูปนี้ว่า "พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา" แปลว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาที่รุ่งเรืองสว่างประเสริฐดุงดังมหาวชิระ
พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตร ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา มีความสูง 109 เมตร หน้าตักกว้าง 70 เมตร ฐานบัวหรือบัลลังก์สูง 21 เมตร รวมความสูงขององค์พระและบัลลังก์ทั้งสิ้น 130 เมตร โดยเป็นการระเบิดเจาะเนื้อหินให้เป็นลายเส้น แล้วใช้โมเสกทองประดับเข้าไปตามรอยเส้น เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมาต้องหน้าผา จึงเกิดประกายสีทองราวกับองค์พระกำลังเปล่งประกาย ด้านหน้าองค์พระมีลานอเนกประสงค์ สวนร่มรื่น สระบัว และสวนหิน ในเนื้อที่ 15 ไร่
ที่ตั้ง : บ้านเขาชีจรรย์ อำเภอสัตหีบ ห่างจากวัดญาณสังวราราม ไปประมาณ 5 กิโลเมตร
การเดินทาง : จากวัดญาณสังวราราม ไปตามทางเดียวกับวิหารเซียน ผ่านวิหารเซียนไปตามเส้นทางหลัก และมีป้ายบอกทางไปอีก 3 กิโลเมตร หรือจากถนนสุขุมวิท เข้าทางแยกที่เลยแยกวัดญาณสังวรารามไปราว 500 เมตร เส้นทางจะตรงถึงเขาชีจรรย์ ระยะทางจากถนนสุขุมวิท 6 กิโลเมตร
เวลาทำการ : 06.00-18.00 น. ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นบ้านของราชนาวีที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งอ่าวไทย ถือกำเนิดขึ้นจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2457 ครั้งประพาสเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออก ได้ทอดพระเนตรเห็นว่าชายฝั่งบริเวณนี้มีชัยภูมิดีเยี่ยม สามารถสร้างฐานจอดเรือรบได้ จวบจนปัจจุบันฐานทัพเรือสัตหีบได้พัฒนา และเปิดพื้นที่บางส่วนให้ประชาชนได้เข้ามาท่องเที่ยว เช่น หาดดงตาล เป็นชายหาดโค้งยาวไปตามขอบอ่าวสัตหีบ โดยเริ่มตั้งแต่ที่ว่าการอำเภอสัตหีบเข้าไปในกองเรือยุทธการ ริมชายหาดเรียงรายไปด้วยต้นตาลขนาดใหญ่ ประชาชนทั่วไปนิยมมานั่งพักผ่อน ชมอาทิตย์อันดง และรับประทานอาหาร นอกจากนี้ เวิ้งทะเลด้านหน้าหาดยังเหมาะสำหรับการเล่นเรือใบและวินด์เซิร์ฟ โดยผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์สมุทรกีฬา โทรศัพท์ 0 3843 2593
ท่าเทียบเรือจุกเสม็ด เป็นท่าเรือน้ำลึกซึ่งกองทัพเรือใช้เป็นที่จอดเรือรบสำคัญ ๆ หลายลำ ไม่ว่าจะเป็นเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงสิมิลัน และเรือหลวงพระพุทธยอดฟ้า นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมและถ่ายภาพได้เฉพาะพื้นที่ที่กำหนด คือ บริเวณท่าเรือ รวมถึงดาดฟ้าของเรือหลวงจักรีนฤเบศร อย่างไรก็ตาม บางช่วงเวลาเรือเหล่านี้จะออกปฏิบัติหน้าที่ จึงควรสอบถามไปล่วงหน้าก่อน

หาดนางรำ-หาดนางรอง อยู่ใกล้ท่าเทียบเรือจุกเสม็ด โดยแยกจากทางหลวงหมายเลข 3 เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3126 ไปประมาณ 5 กิโลเมตร ถ้าตรงเข้าไปจนสุดก็จะถึงท่าเทียบเรือจุกเสม็ด แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายไปอีกเพียงเล็กน้อยก็จะถึงหาดนางรำ-หาดนางรอง โดยหาดนางรำมีความยาวประมาณ 500 เมตร เนื้อทรายขาวละเอียดเนียน ริมหาดมีป่าสนร่มรื่น พร้อมร้านอาหารและบ้านพัก หน้าหาดไม่ลึกจึงเหมาะลงเล่นน้ำหรือเล่นเรือใบ ส่วนหาดนางรองอยู่ติดกัน เป็นแนวหาดสั้น ๆ ที่เงียบสงบกว่า ริมหาดมีโขดหิน ทรายขาว และน้ำใสดี
เขาแหลมปู่เจ้า ตั้งอยู่บริเวณใต้สุดของโค้งอ่าวเตยงาม สามารถขับรถขึ้นไปได้ เพื่อสักการะศาลกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2503 ใกล้ ๆ กันมีกระโจมไฟชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ลักษณะเป็นประภาคารรูปครีบกระโดงปลา สูง 19.50 เมตร ใช้ส่องสว่างให้เป็นจุดสังเกตแก่คนเรือในยามค่ำคืน โดยทหารเรือต่างขนานนามให้ว่า "ดวงประทีปแห่งท้องทะเลไทย" นอกจากนี้ ยังมีจุดชมวิวเขาแหลมปู่เจ้า ที่สามารถมองเห็นอ่าวสัตหีบ อ่าวเตยงาม เกาะพระ เกาะเตาหม้อ รวมถึงอ่าวไทยได้อย่างงดงาม
ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ตั้งอยู่ริมหาดจุกเสม็ด ในเขตหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นศูนย์เพาะเลี้ยงและอนุบาลลูกเต่าทะเลที่ได้จากเกาะคราม โดยนำมาอนุบาลไว้ 3-6 เดือน แล้วจึงปล่อยคืนสู่ทะเล ศูนย์ฯนี้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ อาคารนิทรรศการ อะควาเรียม และบ่ออนุบาลลูกเต่าทะเล เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น. ทุกวัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ, อ่าวเตยงาม (อ่าวนาวิกโยธิน) เดิมชื่ออ่าวตากัน หรืออ่าวทุ่งไก่เตี้ย เป็นหาดทรายขาวละเอียดเนื้อเนียนตัดกับท้องทะเลสีคราม ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ในอดีตริมหาดเต็มไปด้วยต้นเตยทะเล ซึ่งยังพอพบเห็นได้ในปัจจุบัน อ่าวเตยงามนี้ไม่ลาดเอียงมาก น้ำไม่ลึก จึงเหมาะจะลงเล่นน้ำ ชาวจีนเชื่อว่าอ่าวเตยงามคือ “สะดือมังกร” เพราะน้ำในอ่าวจะไหลเวียนจากแหลมปู่เจ้าเข้าสู่อ่าว นับเป็นจุดก่อเกิดพลังธรรมชาติ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีอนุสรณ์สถาน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเรือใบข้าวอ่าวไทยจากอำเภอหัวหิน มาถึงอ่าวเตยงาม เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2509 เป็นระยะทางกว่า 60 ไมล์ทะเล เพียงลำพังพระองค์เดียว
พิพิธภัณฑ์นาวิกโยธิน ตั้งอยู่ที่อ่าวเตยงาม เป็นอาคารชั้นเดียวใช้จัดแสดงประวัติความเป็นมาของราชนาวีไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม ภายในอาคารแบ่งเป็น 6 ห้องจัดแสดง และมีส่วนกลางแจ้งด้วย และ หาดทรายแก้ว ตั้งอยู่ภายในเขตโรงเรียนชุมพลทหารเรือ เป็นหาดทรายที่สวยที่สุดช่วงหนึ่งของสัตหีบ เพราะมีเนื้อทรายขวาวสะอาดเนื้อเนียนทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตร อีกทั้งน้ำทะเลมีสีครามสดใส ริมหาดมีบ้านพัก ร้านอาหาร นวดแผนไทย และกิจกรรมทางน้ำหลากหลาย
การเดินทาง : จากอำเภอเมืองชลบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 ประมาณ 86 กิโลเมตร จนถึงตัวอำเภอสัตหีบ จากนั้นวิ่งเข้าถนนเส้นเลียบหาด จนเข้าสู่เขตทหารเรือ
เวลาทำการ : ถ้าเป็นอาคารจัดแสดงหรือพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่เปิดเวลา 08.00-16.30 น. แต่ถ้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวพวกหาดทรายชายทะเล ก็มักเปิดให้ท่องเที่ยวตลอดเวลา แต่ต้องแลกบัตรผ่านที่ป้อมยามก่อน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
ติดต่อ : ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวกองทัพเรือในพื้นที่อำเภอสัตหีบ แผนกกิจการพลเรือน กองบัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ โทรศัพท์ 0-3843-7112 ต่อ 71060, 71061 หรือติดต่อที่กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ กรุงเทพฯ โทร. 0-2375-4720, 0-2475-4481 เว็บไซต์ www.navy.mi.th


วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2519 เพื่อถวายสมเด็จพระญาณสังวรฯ สมเด็จพระสังฆราช และต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภก บริเวณทางเข้าวัดมีศาลานานาชาติ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติของประเทศต่าง ๆ ตั้งอยู่เรียงรายริมสระน้ำ ภายในบริเวณวัดมีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง พระเจดีย์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสุมพุทธเจ้า และพระธาตุของพระอรหันต์สาวก วิหารพระญาณเรศร์ วิหารพระศรีอริยเมตไตรย พระพุทธไพรีพินาศ ฯลฯ และด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาสูง จึงสามารถมองออกไปเห็นทัศนียภาพของเขตวัดจรดเมืองพัทยาได้กว้างไกลสุดสายตา
ที่ตั้ง : อยู่ริมอ่างเก็บน้ำบ้านอำเภอ อำเภอสัตหีบ ห่างจากหาดจอมเทียนประมาณ 15 กิโลเมตร
การเดินทาง : จากหาดจอมเทียนหรือพัทยาไปตามถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าอำเภอสัตหีบ ผ่านชุมชนบ้านอำเภอไปเล็กน้อย สังเกตหลักกิโลเมตร 160 เลยไปอีกราว 500 เมตร เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายบอกทางไปวัดญาณฯ อีก 5 กิโลเมตร
เวลาทำการ : ประมาณ 06.00-18.00 น. ทุกวัน
ติดต่อ : โทรศัพท์ 0 3823 7506

สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีชื่อเสียงมานานหลายสิบปีแล้ว โดยเฉพาะมีตู้กระจกขนาดใหญ่ที่เรียกว่าอควาเรียม เลี้ยงปลาทะเลและสิ่งมีชีวิตหลากชนิดหลากสีไว้ให้ชม สถาบันแห่งนี้มีเนื้อที่ราว 30 ไร่ ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ทางทะเล สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มไว้จัดแสดง และห้องปฏิบัติการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล (ส่วนนี้ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม)
อควาเรียมหรือตู้กระจกแสดงสัตว์น้ำของที่นี่อยู่บริเวณชั้นล่างของอาคาร โดยมีเส้นทางเป็นวงรอบไม่ย้อนกลับทางเดิมจัดไว้ให้ชม ปัจจุบันมีตู้กระจกอยู่มากถึง 43 ตู้ ตั้งแต่ตู้ขนาดเล็กบรรจุน้ำ 500 ลิตร ไปถึงขนาดมหึมาบรรจุน้ำ 2 แสนลิตร โดยจัดแสดงเริ่มตั้งแต่สัตว์ชายฝั่งทะเล ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตในแนวปะการัง และเขตทะเลลึก อาทิ เต่าทะเล ฉลาม ปลาการ์ตูน ดอกไม้ทะเล ปลานกแก้ว ปลาผีเสื้อ ปลากะรัง ปลาข้างเหลือง ม้าน้ำ ปลาสิงโต ปลาปักเป้า ปลาไหลทะเล กุ้งพยาบาล ปูชนิดต่าง ๆ ปลาดาว กระเบน หอยเม่น ฯลฯ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการมาเป็นครอบครัว เพื่อร่วมกันเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ
ที่ตั้ง : เลขที่ 169 ถนนลงหาดบางแสน ตำบลแสนสุข อำเภอเมืองชลบุรี ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าของมหาวิทยาลัยบูรพา ก่อนถึงหาดบางแสน 1 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองชลบุรีประมาณ 12 กิโลเมตร
การเดินทาง : ผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว สามารถขึ้นรถประจำทางสายชลบุรี-บางแสน-หนองมน จากนั้นลงต่อรถสองแถวเข้าหาดบางแสน แล้วลงที่ด้านหน้าของมหาวิทยาลัยบูรพา
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ปิดเพียงวันเดียวคือวันจันทร์ ส่วนวันหยุดราชการเปิดถึง 17.00 น. สาธิตดำน้ำให้อาหารปลามีรอบเวลา 14.30 น. วันหยุดเพิ่มรอบ 10.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 60 บาท เด็ก 30 บาท, ผู้ใหญ่ (ชาวต่างชาติ) 180 บาท เด็ก 100 บาท
ติดต่อ : สอบถามรายละเอียดการเข้าชมได้ที่งานประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0 3839 1671-3 ต่อ 184, 126 ได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. หรือเว็บไซต์ www.bims.buu.ac.th

สวนผีเสื้อสายทิพย์ เป็นสวนผีเสื้อที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ภายในมีส่วนพิพิธภัณฑ์จัดแสดงให้ความรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตผีเสื้ออันซับซ้อน ชนิดของผีเสื้อ ถ้ำรังนก มีฟาร์มผีเสื้อท่ามกลางสวนไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกไว้งดงาม โดยมีผีเสื้อหลายพันธุ์ที่เพาะเลี้ยงไว้นับพันตัวโดดเด่นคือ ผีเสื้อเอ็ดเวิร์ด หรือผีเสื้อหนอนกระท้อน (Atlas Moth) ซึ่งเป็นผีเสื้อขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีลวดลายบนปีกสวยงามแปลกตามาก นอกจากนี้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ผึ้ง สวนกล้วยไม้ และร้านขายของที่ระลึกด้วย
สิ่งที่ไม่ควรพลาดชมของสวนผีเสื่อสายทิพย์ คือ กรงผีเสื้อขนาดใหญ่ ที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเดินชมดอกไม้และเพลิดเพลินกับลีลาอันพลิ้วไหว ของบรรดาผีเสื้อที่โบยบินอยู่รอบตัว เราจะได้เห็นไข่ของผีเสื้อ หนอนตัวอ่อน ดักแด้ และผีเสื้อเกิดใหม่หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งผีเสื้อหนอนใบรัก ผีเสื้อหางตุ้มจุดชมพู ผีเสื้อสะพายฟ้า ผีเสื้อร่อนลม ผีเสื้อเณร และอื่น ๆ อีกมากมาย นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ ซึ่งผู้เข้าชมสามารถใกล้ชิดธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เพื่อซึมซับความมหัศจรรย์ของผีเสื้อ
ที่ตั้ง : อยู่บริเวณกิโลเมตร 10 ของทางหลวงหมายเลข 36 ในอำเภอศรีราชา
การเดินทาง : หากมาจากถนนสุขุมวิท แยกซ้ายบริเวณตลาดบางพระ ตามทางที่จะไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียว
เวลาทำการ : 08.30-17.30 น. ทุกวัน
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 50 บาท เด็ก 30 บาท, ผู้ใหญ่ (ชาวต่างชาติ) 100 บาท เด็ก 60 บาท
ติดต่อ : โทรศัพท์ 0 3829 8330

เมืองจำลองสยาม (Mini Siam) เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2529 ปัจจุบันเป็นสถานที่จำลองปูชนียสถานและโบราณสถานที่สำคัญของทั้งไทยและต่างประเทศ ด้วยอัตราส่วนย่อ 1 ต่อ 25 โดยแบ่งเป็นเมืองจำลองสยาม และเมืองจำลองยุโรป ภายในพื้นที่ขนาด 29 ไร่ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดมหาธาตุสุโขทัย, อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สะพานข้ามแม่น้ำแคว, สะพานพระราม 9 , ปราสาทหินพิมาย, วัดอรุณราชวราราม, สะพานทาวเวอร์บริดจ์, ดิโอเปร่าเฮาส์, หอไอเฟล, หอเอนปิซ่า และเทพีเสรีภาพ เป็นต้น มาเที่ยวที่นี่เพียงแห่งเดียว จึงเหมือนกับได้เดินทางทั่วไทยและทั่วโลกภายในวันเดียว
ที่ตั้ง : ริมถนนสุขุมวิท หลักกิโลเมตร 143 อำเภอบางละมุง ถ้ามาจากเมืองชลบุรีจะอยู่ช่วงก่อนถึงแยกเลี้ยวเข้าพัทยาเหนือ
การเดินทาง : สามารถมาถึงได้โดยสะดวก ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถประจำทางสายชลบุรี-พัทยา เนื่องจากตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ เมื่อลงรถแล้วก็สามารถเข้าไปซื้อบัตร แล้วเข้าสู่ส่วนจัดแสดงได้เลย
เวลาทำการ : 07.00-22.00 น. ทุกวัน โดยในยามค่ำคืนจะมีการเปิดไฟประดับอย่างสวยงาม
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 150 บาท เด็ก (อายุตั้งแต่ 4 – 10 ปี) 50 บาท, ผู้ใหญ่ (ชาวต่างชาติ) 250 บาท เด็ก 120 บาท เด็กความสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร ไม่คิดเงิน
ติดต่อ : โทรศัพท์ 0 3872 7333, 0 3872 7666 หรือเว็บไซต์ www.minisiam.com

วิหารเซียน (อเนกกุศลศาลา) เป็นแหล่งรวมงานศิลปะไทย-จีนชั้นสูงที่สำคัญยิ่งของประเทศไทย อาคารใหญ่มีรูปทรงเป็นวิหารแบบจีนสูงสามชั้น มีกลุ่มศาลาเก๋งเป็นบริวารโดยรอบ การจัดวางตำแหน่งของสิ่งปลูกสร้างมีทิศทางถูกต้องตามหลักวิชาภูมิลักษณ์หรือฮวงจุ้ย ส่วนการประดับตกแต่งภายในอาคารเป็นไปตามคตินิยมและความเชื่อทางเทววิทยาของชาวจีน จึงเป็นงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างสูง
วิหารเซียน มีชื่อภาษาจีนว่า "ต้า ผู่ อี่" เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2531 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวาระที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยอาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ก่อสร้างวิหารเซียนขึ้นในบริเวณโครงการพัฒนา พื้นที่วัดญาณสังวราราม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ใช้พื้นที่ประมาณ 7 ไร่ การดำเนินงานในครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานฤกษ์ในการก่อสร้าง และพระราชทานนามอาคารว่า "อเนกกุศลศาลา" การก่อสร้างใช้เวลา 4 ปี 6 เดือน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2536 มีสถานที่สำคัญ เช่น หอเซียนหรือหอกลางเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อปิดทองของลื้อท่งปิง พิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะจีนและวัตถุโบราณล้ำค่า รวมถึงรูปสลักหินแกรนิตขนาดใหญ่จากจีนหลายสิบชิ้น เป็นต้น
ที่ตั้ง : อยู่ใกล้วัดญาณสังวราราม ริมอ่างเก็บน้ำบ้านอำเภอ ห่างจากวัดญาณฯ ประมาณ 2 กิโลเมตร
การเดินทาง : ใช้เส้นทางเดียวกับที่ไปวัดญาณสังวราราม มีทางแยกขวาริมอ่างเก็บน้ำบ้านอำเภอ ช่วงก่อนถึงวัดญาณฯ ประมาณ 500 เมตร เลี้ยวขวาไปตามป้ายบอกทางจะเห็นอาคารทรงจีนโดดเด่นอยู่ริมฝั่งตรงข้าม
เวลาทำการ : 08.00-17.00 น. ทุกวัน
ค่าเข้าชม : คนละ 50 บาท


เขาพัทยา หรือเขาทัพยา หรือเขาทัพพระยา มีจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นเมืองพัทยาได้ทั้งหมด อยู่ในเขตของสถานีวิทยุโทรทัศน์ สทร. 5 พัทยา เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงดึก มีนักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปชมวิวกันเป็นจำนวนมาก โดยจุดสำคัญของเขาพัทยามี 2 แห่งด้วยกัน คือ ยอดเขาพัทยา มีลานชมวิวกว้างและม้านั่งโดยรอบ พร้อมกล้องส่องทางไกลแบบหยอดเหรียญ จากจุดนี้สามารถเห็นเมืองพัทยาได้อย่างกว้างไกล ทั้งตึกสูง บ้านเรือนหนาแน่น เรือท่องเที่ยวที่จอดลอยลำอยู่ในอ่าวพัทยา รวมทั้งเห็นเกาะล้าน บรรยากาศชวนเพลิดเพลิน ลมเย็นสบาย ในช่วงค่ำจะเห็นแสงไฟของเมืองพัทยาสว่างไสว และอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับลานชมวิว เป็นประติมากรรมรูปหล่อเหมือนจริง สีดำสนิท ในเครื่องแบบทหารเรือเต็มยศพลเรือเอก มีผู้คนมากราบไหว้ตลอดทั้งวัน
ที่ตั้ง : ยอดเขาพัทยา พัทยาใต้ ห่างจากย่านเมืองพัทยา 2 กิโลเมตร
การเดินทาง : ไปตามถนนพัทยาสาย 2 มุ่งหน้าทิศใต้ผ่านแยกไปหาดจอมเทียน จากนั้นตรงต่อไปขึ้นเขาชันผ่านสวนเฉลิมพระเกียรติ จนถึงสามแยกบนเขาที่มีป้อมตำรวจ เลี้ยวขวาจะพบกับทางขึ้นเขาพัทยาอยู่ด้านขวา มีถนนไปจนถึงยอดเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุ สทร. 5 จอดรถไว้ได้ทั้งในและนอกสถานี
เวลาทำการ : เปิดให้ท่องเที่ยวตลอดเวลา
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม


ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนฯ มีเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ จัดเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ที่สุดผืนสุดท้ายของจังหวัดชลบุรีที่หลงเหลืออยู่ โดยทางสำนักงานป่าไม้จังหวัดชลบุรีได้จัดสร้างศูนย์ฯ นี้ขึ้น เพื่ออนุรักษ์ผืนป่าให้คงอยู่ พร้อมให้ความรู้ประชาชนควบคู่กันไปด้วย มีการจัดทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ยาว 2,300 เมตร ซึ่งจัดเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และมีสวนสุขภาพบริเวณด้านหน้าของศูนย์ฯ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มาออกกำลังกาย
นอกจากผู้เข้าชมจะได้พบเห็นดงต้นโกงกางที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น และช่วยกำบังคลื่นลมทะเลได้เป็นอย่างดีแล้ว เรือนรากโกงกางเหล่านี้ยังกลายเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ อีกทั้งช่วยดักให้สารอินทรีย์ในน้ำตกตะกอนได้อีกด้วย ถ้าสังเกตให้ดีจะพบหอย ลูกปลา ปลาตีน ปูก้ามดาบ กุ้ง นกกินเปี้ยว รวมถึงปูพันธุ์ใหม่ชื่อ "หยกฟ้า" และมีนกยางบินวนเวียนมาดักซุ่มจับปลากินเป็นอาหารด้วย
ที่ตั้ง : หมู่ 3 ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองชลบุรี ถนนเลียบป่าชายเลน
การเดินทาง : จากถนนสุขุมวิท เลี้ยวขวาที่แยกคีรี จนถึงถนนเลียบป่าชายเลนแล้วเลี้ยวซ้าย ศูนย์ฯ อยู่ตรงข้ามกับสำนักงานป่าไม้จังหวัดชลบุรี
http://travel.kapook.com/view9795.html